พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากผู้ชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรปรับเปลี่ยนเวลานัดหมายการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากช่วงบ่ายมาเป็นช่วงเช้า ตำรวจได้จัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน 99 กองร้อย หรือประมาณ 14,000 นาย และจะมีการปรับกำลังตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เน้นป้องกันไม่ให้มีการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มที่มีความเห็นต่าง และป้องกันมือที่สามฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ พร้อมย้ำว่า ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ไม่อนุญาตให้มีการพักค้างคืน ซึ่งจากนี้จะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนได้อย่างเหมาะสม
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า การควบคุมตัว 21 แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วานนี้ (13 ต.๕.) เนื่องจากมีการกระทำผิดซึ่งหน้า ทั้งการมั่วสุม ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในภาพรวม ตำรวจได้มีการแจ้งเตือน ขอร้อง เจรจา ก่อนนำไปสู่การเข้าควบคุมตัว เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายและไปกระทบสิทธิการใช้ชีวิตประจำวันของผู้อื่น พร้อมดำเนินคดีเบื้องต้น 10 ข้อหา เช่น ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน มั่วสุมตั้งแต่10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น มั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคและข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งช่วงเช้าวันนี้ พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยื่นฝากขังต่อศาลต่อไป
ส่วนการชุมนุมก่อความวุ่นวายบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีผู้ใดกระทำผิดบ้าง ซึ่งตำรวจได้บันทึกข้อมูลหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว
ขณะเดียวกัน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางโดยรอบอนุสาวรียืประชาธิปไตย 5 เส้นทาง ได้แก่ ถนนราชดำเนินกลาง ถนนดินสอ ถนนหลานหลวง ถนนตะนาวและสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุม พร้อมย้ำว่า ตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่เป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมาย พร้อมขอความร่วมมือให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติตนตามกรอบของกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น