ผบ.ตร. มอบนโยบายการบริหารราชการ ประจำปีงบประมาณ 2564

สำนักงานตำรวจแห่งชาติตอบสนองนโยบายรัฐบาล ภายใต้เป้าหมายตามยุทธศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม “เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา”

ในวันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 256๒ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี-รังสิต กรุงเทพมหานคร พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการสัมมนา มอบนโยบายการบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เพื่อกำหนดแนวทางและแผนการปฏิบัติราชการของสำนักงานโดยมีข้าราชการตำรวจผู้บังคับการขึ้นไปเข้าร่วมสัมมนา

จำนวนทั้งสิ้น 496 นาย ประกอบด้วย1. ผู้บังคับบัญชา ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 21 นาย

2. ผู้บัญชาการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า จำนวน 41 นาย

3. รองผู้บัญชาการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า จำนวน 144 นาย

4. ผู้บังคับการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า จำนวน 290 นาย

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มุ่งเน้นการทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและนโยบายรัฐบาลให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม มีความโปร่งใส และมุ่งมั่น ในการขับเคลื่อน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตามวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ 20 ปี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(พ.ศ. 2561-2580) ที่ว่า “เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กำกับ ดูแลและบริหารราชการ สั่งและปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดังนี้

1. งานสืบสวนสอบสวน มอบ พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

2. งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มอบ พลตำรวจเอก มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

3. งานกฎหมายและคดี มอบ พลตำรวจเอก ชนสิษฎิ์ วัฒนวรางกูร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

4. งานความมั่นคงและกิจการพิเศษ มอบ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

5. งานบริหาร มอบ พลตำรวจเอก ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

6. งานจเรตำรวจ มอบ พลตำรวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ

โดย พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดวิสัยทัศน์และค่านิยมหลัก ที่ว่า “เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา”