ตามนโยบายของรัฐบาล ให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามการขบวนการฉ้อโกง และสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบจากการฉ้อโกงดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และยังได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการฉ้อโกงและสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด
โดยในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล มี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. , พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร , พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม , พล.ต.ต.พีรพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี , พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว , พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ , พ.ต.ท.อัครพล โทยะ , พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ , พ.ต.ท.โชติช่วง รัศมี , พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร , พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ, พ.ต.ท.กันตพัฒน์ อื้อศรีวงศ์ รอง ผกก.สายตรวจ พ.ต.ต.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ ๑ , พ.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง สว.งานสายตรวจ ๓
จับกุมตัว นางสาวณัฎฐ์ชนิศามน (สงวนนามสกุล) ได้ที่บริเวณ สถานีรถไฟบางบำรุแขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ตามหมายศาล 1.หมายจับศาลจังหวัดชัยบาดาล ที่ จ.68/2560 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2560 กระทำความผิดฐาน”ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ปลอมใช้เอกสารราชการปลอม” 2.หมายจับศาลจังหวัดลพบุรี ที่ จ.53/2560 ลงวันที่ 7เมษายน 2560 กระทำความผิดฐาน”ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันลงลายมือชื่อปลอม”
โดยเมื่อวันที่( 18 ส.ค. 63 )ได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบบุคคลคล้ายกับนางสาวณัฎฐ์ชนิศามนฯใกล้ๆกับสถานีรถไฟบางบำรุแขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานครเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจสอบบุคคลตามที่ว่ามาจริงและได้สอบถามบุคคลดังกล่าว ปรากฏพบเป็นนางสาวณัฎฐ์ชนิศามนฯจริง จึงได้สอบถาม นางสาวณัฎฐ์ชนิศามนฯ รับว่าตนเองมีพฤติการณ์ รับจ้างจากนายทุนชื่ออ้น (ไม่ทราบชื่อสกุล) ให้ไปหลอกดาวน์รถยนต์หรือรถที่นายหน้าต้องการ โดยนายหน้าจะติดต่อเข้ามาหากลุ่มของนางสาวณัฎฐ์ชนิศามนฯ เพื่อให้ไปดาวน์รถตามสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์มือสอง หรือรถบ้านที่ไม่มีการตรวจสอบมากนัก
จากนั้นจะไปทำสัญญาซื้อขายรถยนต์คันนั้นๆ และนำมาส่งมอบให้กับนายหน้า โดยกลุ่มของนางสาวณัฎฐ์ชนิศามนฯ จะได้ค่าตอบแทนตั้งแต่ 2,000 – 10,000 บาทต่อครั้ง แล้วแต่สภาพรถยนต์ที่ไปดาวน์มาเป็นแบบไหน ซึ่งจากการสอบถามรับว่าทำมาแล้วกว่า 15 ครั้ง แต่ละครั้งจะมีผู้ร่วมกระบวนการไปด้วย 3 – 4 คน โดยดาวน์รถตั้งแต่รถจักรยานยนต์ ไป จนถึงรถสิบล้อ ซึ่งมูลค่าความเสียหายมากว่า 5 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหามาที่ กองกำกับการสายตรวจ 191 เพื่อทำบันทึก ประวัติ และขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
หากประชาชนท่านใด พบเห็น หรือมีเบาะแส เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย ผ่านทางโซเชียลมีเดีย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือโทรศัพท์สายด่วน ๑๙๑