การประชุมเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์ พัสดุภัณฑ์ และระบบขนส่ง (Logistics) วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563 เวลา 09.00 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.
จากสภาวการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในปัจจุบัน ที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ว่าการค้ายาเสพติดมีการปรับเปลี่ยนวิธีการลักลอบขนยาเสพติด โดยใช้รูปแบบการขนส่งผ่านทางผู้ประกอบการ รับ-ส่ง สินค้าและพัสดุภัณฑ์มากขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวน และสามารถจับกุมผู้ที่ลักลอบขนส่งยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง ในห้วง 3 ปีที่ผ่านมา มีผลการจับกุมสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดพัสดุภัณฑ์และไปรษณีย์ได้มากถึง 267 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 200 กว่าคน ทั้งนี้เป็นยาบ้า จำนวน 1,700,000 เม็ด โดยเฉพาะช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่าการกระทำความผิดในรูปแบบดังกล่าว มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จัดการประชุมร่วมกับผู้บริหารของสถานประกอบการที่ให้บริการด้านไปรษณีย์พัสดุภัณฑ์และระบบขนส่ง (Logistics) ภาคเอกชน 16 แห่ง รวมทั้งผู้แทนภาครัฐที่เกี่ยวข้องอีก 13 หน่วยงาน ประกอบด้วย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมการขนส่งทางบก การท่าเรือแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมศุลกากร กรมการปกครอง และกรมสรรพากรเพื่อหาแนวทางและกำหนดมาตรการร่วมกันในการป้องปรามการลักลอบขนส่งยาเสพติด ผ่านช่องทางการขนส่งพัสดุภัณฑ์
การประชุมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติด โดยใช้การบริการขนส่งเป็นเครื่องมือหรือกรณีที่เกิดเหตุแล้ว จะสามารถสืบสวนขยายผลติดตามกลุ่มผู้กระทำความผิดได้ โดยอาศัยข้อมูลที่จำเป็นจากผู้ประกอบการ ซึ่งจะทำให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างชัดเจน