เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563 พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมพลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีสุคุณ พรหมายน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีสมประสงค์ เย็นท้วม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีสามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล5 พันตำรวจเอกโสภณ สารพัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล5 พันตำรวจเอกสัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผู้กำกับการตำรวจนครบาลทองหล่อ พันตำรวจเอกสิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล4 พันตำรวจโทณัฐกิตติ์ จอกโคกสูง รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจนครบาลทองหล่อ และตำรวจฝ่ายสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ร่วมกันจับกุมนายอู๋ ติง ปิน (Mr.WU DING BIN) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาเครือข่ายค้ากัญชาออร์แกนิคชาวจีน พร้อมขยายผลตรวจยึดต้นกัญชา จำนวน 1,000 ต้น ภายโกดังซอย อ่อนนุช 82 แขวงประเวศ เขตประเวศกรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน. ทองหล่อได้จับกุมนายหม่า โฮ ยิน (Mr.Ma Ho Yin) อายุ 36 ปี สัญชาติฮ่องกง ในความผิดฐาน“ มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, พยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมายและผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย” พร้อมของกลางกัญชาแห้งน้ำหนัก 1 กิโลกรัม และต้นกัญชาจำนวน 317 ต้น หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบปลูกกัญชา โดยจากการตรวจค้นอาคารพินิชย์สูง 4 ชั้น ภายในซอยรามคำแหง 27 พบต้นกัญชาสายพันธุ์ต่างประเทศ โดยภายในอาคารมีการสร้างโรงเรือนขนาดเล็ก พร้อมเครื่องควบคุมอุณหภูมิการจับกุม ซึ่งครั้งนั้นเป็นการขยายผลหลังจับกุมขบวนการลักลอบขายกัญชาผ่านทางกลุ่มไลน์ ชื่อ “Heaven Herb” ซึ่งมีการจัดส่งให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี่
จากการซักถามและสืบสวนเชิงลึกทราบว่านายอู๋ ติง ปิน สัญชาติจีน มีพฤติการณ์จำหน่ายกัญชาและน่าจะมีแหล่งผลิตกัญชาอยู่ในย่านประเวศและอาศัยอยู่ในย่านรามคำแหง สืบสวนต่อจนทราบว่านายอู๋ ติง ปิน พักอยู่ที่ซอยรามคำแหง 24/3 จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบนายวู ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับที่นายหม่า โฮ ยิน ให้ข้อมูลไว้และจากการตรวจค้นพบกุญแจและรีโมท โดยนายอู๋ ติง ปินให้การยอมรับว่าเป็นกุญแจโกดังที่ซอยอ่อนนุช 82
จากนั้นทางตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจสอบพบว่าเป็นสถานที่ตั้งโกดังเก็บสินค้าของบริษัทเอกชน ที่ปล่อยให้เช่าเพื่อเก็บสินค้า สูงชั้นเดียว ปลูกเรียงกันหลายโกดัง มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ซึ่งเมื่อทำการตรวจสอบภายในพบว่าผู้ต้องหาได้ทำการดัดแปลงโกดังสินค้า เป็นสถานที่ปลูกกัญชาออร์แกนิค ไว้จำนวน 1,000 ต้น ตลอดจนมีระบบแสง และอากาศเหมาะสำหรับปลูกยาเสพติดชนิดนี้ ทางตำรวจจึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐานสอบสวนนายอู๋ ติง ปิน ให้อ้างว่ามีหน้าที่เป็นช่างดูแลระบบไฟฟ้าภายในพื้นที่โกดังดังกล่าวเท่านั้น ไม่รู้วิธีการปลูกต้นกัญชาแต่อย่างใด แต่จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมพบว่า นายอู๋ ติง ปิน ได้มีการถือกระเป๋าขนาดใหญ่เข้าออกบริเวณโกดังดังกล่าว แล้วอาจจะไหวตัวทันจากการติดตามสืบสวนของเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดระบบไฟฟ้าทำให้ต้นกัญชาตายและนำเมล็ดพันธุ์ออกจากพื้นที่ดังกล่าว ประกอบกับเจ้าของพื้นที่เชื่อว่าชาวจีนที่มาเช่าโกดังอาจทำสิ่งผิดกฎหมาย เพราะมีการเปิดแอร์ทิ้งไว้ตลอดโดยค่าไฟต่อเดือนประมาณ 1 แสนบาท แต่ค่าเช่าเพียงเดือนละ 40,000 บาท
ด้านพลตำรวจโทภัคพงศ์ กล่าวว่า เดิมผู้ต้องหารายนี้เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่ปี 2561 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว ต่อมาปี 2562 ได้เปลี่ยนเป็นวีซ่านักศึกษา เพื่อมาเรียนมวยไทย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานพบว่าทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 61 เป็นรายเดียวกันกับการจับกุมในพื้นที่สน.หัวหมาก โดยได้มีการขยายผลพบมีผู้กระทำผิดเป็นชาวต่างประเทศทั้งหมด 5 คน จับกุมได้แล้ว 1 คน สำหรับสถานที่นี้เป็นที่เพาะต้นกัญชาสายพันธุ์ต่างประเทศ ซึ่งราคาขายสูงกว่าพันธุ์กัญชาในประเทศ โดยจะมีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 250,000 บาท หากส่งถึงมือผู้รับจะมีราคาสูงอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 700,000 บาท ส่วนการจำหน่ายมีการโฆษณาผ่านโซเชียลโดยจัดส่งผ่านไปรษณีย์และบริษัทขนส่งเอกชนต่างๆ หลังจากนี้จะขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นต่อไป
เบื้องต้นมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายกฎหมาย และผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ดำเนินคดีต่อไป