พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีที่มีสื่อลงข่าว เหตุ “ล่าตัวหนุ่มหื่นกามอ้างเป็น ตร.ขับเก๋งปาดหน้า จยย.สาว 16 แล้วลากไปข่มขืน” และผู้เสียหายได้มาแจ้งความที่ สภ.สตึกจว.บุรีรัมย์
เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 62 เวลาประมาณ 11.00 น. เกิดเหตุข่มขืนกระทำชำเรา ที่โกดังปากทางเข้าบ้านตลาด หมู่ 8 ต.นิคม อ.สตึก จว.บุรีรัมย์ ผู้เสียหายคือ น.ส.ต๊อกแต๊ก (นามสมมติ)อายุ 15 ปี
โดยหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สตึก ได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่องโดยได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายก่อเหตุ และได้ประสานข้อมูลของคนร้ายกับสถานีตำรวจพื้นที่ใกล้เคียง คือ สภ.แคนดง และสภ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ทราบว่าเคยเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวที่คนร้ายมีพฤติการณ์ก่อเหตุคล้ายคลึงกัน จึงได้ประสานข้อมูลของคนร้าย ทราบภายหลังว่าคนร้ายคือ นายสฐาน อ่อนดีกุล อายุ ๕๔ ปี จึงนำภาพถ่ายคนร้ายไปให้ผู้เสียหายดู พร้อมกับยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราตนเองจริง จึงดำเนินการขออนุมัติหมายจับต่อ ศาล จ.บุรีรัมย์ ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับ นายสฐาน อ่อนดีกุล ในข้อหา “ ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ” พร้อมของกลาง คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขษ ๘๓๙ เชียงใหม่
จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวในหมายจับจริง และให้การรับว่าได้ประกอบเหตุ จริง จึงได้นำตัวผู้ต้องหานำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.สตึก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า คดีนี้หลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาภาพผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุ เนื่องจากได้รับรายงานจากท้องที่อื่นว่าคนร้ายเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ในหลายท้องที่เพื่อเป็นข้อมูล ให้ผู้เสียหายสามารถชี้ตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ประกอบกับข้อมูลพยานแวดล้อม ความเชื่อมโยงกับข้อมูล เบาะแส ของผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สตึก สามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้ว และจะนำไปฝากขังยังศาลจังหวัดบุรีรัมย์
โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยียวยาสภาพจิตใจผู้เสียหาย รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียหายสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมกล่าวชมเชยการทำงานของ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว และยังได้กำชับ พนักงานสอบดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน อย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว เป็นธรรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน