ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เปิดยุทธการ “สายฟ้าฟาด ปราบบัญชีม้าสั่นเครือทั่วประเทศ”

ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศปอส.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1, พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.2, พล.ต.ท.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบช.ภ.3, พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ภ.4, พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6, พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.ภ.7, พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 และคณะทำงาน ศปอส.ตร. เปิดยุทธการ “สายฟ้าฟาด ปราบบัญชีม้า สั่นเครือทั่วประเทศ”

พฤติการณ์ ตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการสแกมเมอร์ และความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินจากอาชญากรรมออนไลน์เป็น “วาระแห่งชาติ” เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวในปัจจุบันยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และมีผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อประชาชน ระบบเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นหน่วยงานหลักในการอำนวยการ วางมาตรการเชิงรุก และขับเคลื่อนการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจังและเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเด็ดขาด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มุ่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างจริงจัง โดยมีการจัดตั้ง “ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” (Police Cyber Taskforce) หรือ “ศปอส.ตร.” (PCT) ซึ่งมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศปอส.ตร. และมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่ รอง ผอ.ศปอส.ตร. โดยศูนย์ดังกล่าวถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนระบบฐานข้อมูล ตลอดจนกำหนด แนวทางการทำงานให้เป็นระบบไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเร่งรัดขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

จากข้อมูลการดำเนินงานของระบบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.go.th พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน มีประชาชนแจ้งความเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมากกว่า 1,092,000 เคสไอดี (Case ID) โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 100,000 ล้านบาท (หนึ่งแสนล้านบาท) ซึ่ง ทาง ศปอส.ตร. ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปัญหาอาชญากรรมดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ANTI CYBER SCAM CENTER) ซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงออนไลน์ทุกรูปแบบ ดำเนินการตัดวงจรกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้โดยเร็ว

โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลของศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ในห้วงเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาพบว่าคดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการลักษณะไม่เป็นขบวนการ ยังคงเป็นอันดับ 1 คดีที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวงมากที่สุด และคดีการหลอกให้ลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ ยังคงเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายมากที่สุด ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึกยังพบว่า ไม่ว่ารูปแบบพฤติการณ์ในการหลอกลวงจะมีรูปแบบลักษณะใดก็ตาม หัวใจสำคัญที่ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงใช้เป็นเครื่องมือและเป็นช่องทางสำหรับรับผลประโยชน์ที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายยังคงเป็น “บัญชีม้า” เช่นเดิม (โดยในแต่ละเดือนพบมีบัญชีม้าจากการแจ้งความออนไลน์มากกว่า 50,000 บัญชี)

ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปราบปราบบัญชีม้า ซึ่งถือเป็นการช่วยลดโอกาสการเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและช่วยตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง จึงได้มีการวางกรอบการขยายผลในการจับกุมบัญชีม้าให้เป็นแบบแผนเดียวกันทั่วประเทศ โดยดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลส่วนกลาง เพื่อรวบรวมและบริหารจัดการข้อมูลบัญชีม้า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่สามารถติดตามจับกุมกลุ่มบัญชีม้าตามหมายจับ และทราบถึงบุคคลที่ต้องเฝ้าระวังซึ่งมีพฤติกรรมชักชวนผู้อื่นเปิดบัญชีม้าในพื้นที่ได้อีกด้วย

ต่อมาในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. จึงได้มีหนังสือสั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการระดมกวาดล้างจับกุมหมายจับความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระหว่างวันที่ 18 – 26 พ.ย.68 เพื่อดำเนินการปราบปรามกลุ่มบัญชีม้า โดยมีการติดตามจับกุมผู้ต้องหาค้างเก่า และการตรวจค้นบัญชีม้า Real time ซึ่งเป็นกลุ่มบัญชีเปิดใหม่ และบัญชีถูกอายัดที่ไม่มีการติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือธนาคาร ซึ่งเป็นการบูรณการร่วมกันของตำรวจทั่วประเทศ ได้แก่ บช.ก., บช.น. และ ภ.1-9

และในวันนี้ 24 พฤศจิกายน 2568 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ได้มีการเปิดยุทธการ “สายฟ้าฟาด ปราบบัญชีม้าสั่นเครือทั่วประเทศ” โดยเป็นการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. ควบคุม สั่งการ ด้วยตนเอง ณ ห้องปฏิบัติการ RTCC ชั้น 8 อาคารประชาอารักษ์ (บก.ป.)

โดยผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 -24 พฤศจิกายน 2568 (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.) มีดังนี้

  1. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้จำนวน 342 ราย
    โดยผู้ต้องหาจำนวน 212 ราย ให้การรับสารภาพว่ารับจ้างเปิดบัญชีม้าจริง นอกจากนี้ยังมีการให้ข้อมูลถึงกลุ่มตัวการที่ชักชวนให้มาเปิดบัญชีม้า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถขยายผลเป้าหมายได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 27 เป้าหมาย ซึ่งจะทำการสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป
  2. พบตัวกลุ่ม Real time (กลุ่มบัญชีที่มีผู้เสียหายแจ้งความไว้ แต่ยังไม่มีการออกหมายจับ) จำนวน 87 ราย โดยได้มีการเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม และพบว่ากลุ่ม Real time จำนวน 58 ราย ให้การรับสารภาพว่ารับจ้างเปิดบัญชีม้าจริง พร้อมกันนี้ยังให้ข้อมูลถึงกลุ่มตัวการที่ชักชวนให้มาเปิดบัญชี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถขยายผลเป้าหมายได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 30 เป้าหมาย ซึ่งจะทำการสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป

ในส่วนของข้อมูลการขยายผลที่ทางเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลถึงกลุ่มตัวการที่ชักชวนให้มาเปิดบัญชีจำนวนรวม 57 เป้าหมายนี้ ทางเจ้าหน้าที่พบว่าเป้าหมายกลุ่มนี้อยู่ในพื้นที่ 27 จังหวัดในประเทศไทย
สำหรับผลการปฏิบัติที่สำคัญ มีดังนี้ จับกุมชาวต่างชาติจำนวน 15 รายในพื้นที่บึงกุ่ม หลังพบว่ามีการลักลอบเปิดเว็บไซต์หลอกลงทุนคริปโตเพื่อหลอกลวงเหยื่อที่ประเทศตุรกี, บุกจับกุมชาวจีนคาบ้านพักในพื้นที่ จ.ระยอง หลังพบทำหน้าที่ควบคุมม้าไปถอนเงินสดและรวบรวมเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนส่งมอบให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์, ตรวจค้นจุดลักลอบติดตั้ง Sim Box ในพื้นที่ จ.หนองคาย, บึงกาฬ และมุกดาหาร โดยสามารถยึด Sim Box จำนวน 12 เครื่อง พร้อมจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย, ทลายเครือข่ายฟาร์มม้า รับจ้างสแกนหน้า True Money ในพื้นที่ จ.สกลนคร, จับกุมหญิงสาวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข่มขู่หลอกให้เหยื่อนำทรัพย์สินมาตรวจสอบ โดยมีการจัดหาคนมารับทรัพย์สินถึงหน้าบ้าน โดยผู้เสียหายได้มอบเงินสด 5.8 ล้านบาท พร้อมทองคำหนัก 10 บาท ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์, การทลายเครือข่าย Hybrid Scam ลวงรักหลอกลงทุน โดย กก.2 บก.ปอท. สามารถจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการได้กว่า 12 ราย นอกจากนี้ยังมีการเปิดปฏิบัติการทลายคอกม้า สามารถจับกุมทั้งกลุ่มผู้จัดหาบัญชีและผู้รับจ้างเปิดบัญชีอีกจำนวนหลายราย

ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ ถือเป็นการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอาชญากรรมเทคโนโลยีและผู้มีอิทธิพลที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและยกระดับความปลอดภัยของประชาชนในทุกพื้นที่การดำเนินงานมีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากกระบวนการตามกฎหมายปกติอาจทำให้ประชาชนได้รับการเยียวยาล่าช้าจึงต้องเร่งใช้มาตรการเชิงรุกเพื่ออุดช่องว่างอาชญากรรมออนไลน์ ลดความเสียหายต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจให้เห็นผลเป็นรูปธรรม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ. โทร. 092-878-9355
พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป. โทร. 087-565-4114