ตามรวบ 2 พ่อลูกผู้ต้องหาสุดท้าย แก๊งลักหม้อแปลงไฟฟ้า ความเสียหายกว่า 3 แสนบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามรวบ 2 พ่อลูกผู้ต้องหาสุดท้าย แก๊งลักหม้อแปลงไฟฟ้า ความเสียหายกว่า 3 แสนบาท

​ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น, พ.ต.อ.สุธี เสน่ห์ลักษณา, พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ, พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.มนต์ชัย เพ็งเลิศ, พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์, พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา, พ.ต.ท.ปรัชญ์ แม้นเดช รอง ผกก.2 บก.ป.

​เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุม กก.2 บก.ป. นำโดย พ.ต.ต.หญิงนฤมล กัวซือกุ สว.กก.2 บก.ป., พ.ต.ต.สหรัฐ  ยิ่งยวด สว.กก.2บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป.

ร่วมกันจับกุม

1.นายเจษฎาพรฯ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 12/2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร”

2.นายเจษฎาฯ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ จ.348 /2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร”

​พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2566 พื้นที่ ต.หนองกุ่ม อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ต้องเผชิญกับเหตุการณ์หม้อแปลงไฟฟ้าสาธารณะหายบ่อยครั้ง สร้างความเสียหายต่อระบบสาธารณูปโภคและทรัพย์สินของรัฐ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 3 แสนบาท จากการสืบสวนเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าการโจรกรรมครั้งนี้เป็นการกระทำของแก๊งคนร้ายรวม 5 คน โดยมีผู้ต้องหาสำคัญคือ นายเจษฎาฯ ผู้เป็นพ่อ และ นายเจษฎาพรฯ ผู้เป็นลูกชายรายงานการสืบสวนระบุว่า นายเจษฎา ผู้เป็นพ่อ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแก๊ง วางแผน และชักจูงลูกชายแท้ๆ ให้เข้าร่วมขบวนการตระเวนลักหม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อนำไปขายต่อหารายได้ โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ร่วมแก๊งได้แล้ว 3 ราย และดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว เหลือเพียงสองพ่อลูกหัวหน้าแก๊งที่ยังคงหลบหนีลอยนวลมานานเกือบ 2 ปี ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสามารถแกะรอยและติดตามตัว นายเจษฎาพรฯ ได้สำเร็จ โดยพบว่าได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุมตามหมายจับได้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568 และนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.หนองปรือ ขณะเดียวกัน เมื่อนายเจษฎา

ทราบข่าวว่าลูกชายถูกจับกุม ก็พยายามหลบหนีออกนอกพื้นที่ทันทีเพื่อหนีความผิด แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นสายตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามแกะรอยไปจับกุมตัว นายเจษฎา ได้ที่กลางป่ายางพารา ในพื้นที่ อ.ภูพาน จ.สกลนคร ซึ่งขณะการเข้าจับกุมนายเจษฎาฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ภายในวัดแห่งหนึ่ง ติดกับบ้านพักผู้ต้องหา ก่อนจะเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่พร้อมแสดงหมายจับ ทันทีที่นายเจษฎาฯ เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้กระโดดข้ามกำแพงบ้านวิ่งหลบหนีไปในป่าหวาย เป็นระยะทางร่วม 500 เมตร โดยมีชุดจับกุมวิ่งติดตามอย่างกระชั้นชิด อุปสรรคในการติดตามคือป่าหวายมีแต่หนามแหลมคม ทำให้ชุดจับกุมได้รับบาดเจ็บ กางเกงยีนส์ขาดจนถูกหนามคมแทงเนื้อข้างใน และตามลำตัวมีร่องรอยบาดแผลถูกหนามเกี่ยวตลอดทาง แต่สุดท้ายก็สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

​สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา