ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับหนุ่มก่อสร้าง คว้ามีดฟันเพื่อนร่วมงานตาบอด แค้นคนเจ็บที่จับลูกชายโยนลงถังน้ำ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม,    พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ปฏิบัติราชกาา บก.ทล.,  พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.อุดมศักดิ์ สุวรรณแสง, พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง รอง ผกก.2 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ร.ต.อ.ชรัณ ปาณะศรี, จ.ส.ต.สราวุธ กรรณสุรางค์ และ จ.ส.ต.อมรเทพ อินนิมิต ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุมตัว นายสุริยาฯ อายุ 34 ปี ในความผิดฐาน ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส (ตาบอดและทุพพลภาพตลอดชีวิต) ตามหมายจับศาลพระโขนง ที่ จ.86/2566 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 จัมกุมตัวได้ที่ บริเวณริมถนน ทล.4 กม.468 (ขาล่องใต้) ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร 

พฤติการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุมพรออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อออกตรวจมาถึง บริเวณริมถนน ทล.4 กม.468 (ขาล่องใต้) ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้พบรถกระบะ สีบอร์น ขับขี่มาบนเส้นทางดังกล่าว สังเกตุเหตุผู้ขับขี่มีพิรุธ จึงได้เรียกรถกระบะคันดังกล่าวให้จอดบริเวณไหล่ทาง เพื่อทำการตรวจสอบ พบนายสุริยาฯเป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของ นายสุริยาฯ พบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลพระโขนง ที่ จ.86/2566 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ในข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส (ตาบอดและทุพพลภาพตลอดชีวิต)” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงหมายจับให้นายสุริยาฯ ตรวจสอบดู และยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงได้ควบคุมตัว นายสุริยาฯ ไปทำบันทึกจับกุมและซักถามปากคำเบื้องต้นที่สถานีตำรวจทางหลวงชุมพร

​โดยนายสุริยาฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.65 ขณะนั้น นายสุริยาฯ ประกอบอาชีพเป็นช่างก่อสร้างในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ย่านอ่อนนุช กรุงเทพฯ โดยในวันดังกล่าว นายสุริยาฯ ได้ฝากลูกชายของตน อายุ 4 ปี ไว้กับ นายเอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงาน เนื่องจากนายสุริยาฯ ต้องทำงานบนชั้น 2 ของบ้านที่กำลังก่อสร้าง โดยฝากลูกชายให้นายเอช่วยดูแลอยู่ที่

ชั้นล่าง แต่เมื่อ นายสุริยาฯ ขึ้นไปทำงานบนชั้น 2 ได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเหมือนเด็กถูกโยนลงถังน้ำ และเสียงลูกชายของตนเองร้องไห้เสียงดัง นายสุริยาฯ จึงลงมาดูก็พบว่าลูกชายของตนอยู่ในถังน้ำผสมปูน จึงเข้าไปช่วยเหลือลูกชาย และสอบถามได้ความว่าถูกนายเอ จับโยนใส่ถังน้ำ เนื่องจากลูกชายร้องไห้ไม่ยอมหยุด ประกอบกับนายเออยู่ในอาการเมาสุรา นายสุริยาฯ ด้วยความโกรธจึงวิ่งไปหยิบมีดทำครัวและตรงเข้าไปฟัน

ที่ใบหน้าและลำตัวของนายเอจนเป็นเหตุให้ตาบอดและแขนเกือบขาด และหลบหนีออกมาจากที่เกิดเหตุ

โดยหลังก่อเหตุนายสุริยาฯ ได้พาครอบครัวหลบหนีไปทำงานตามต่างจังหวัดเรื่อยมา โดยล่าสุดเดินทางไปทำงานรับจ้างอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุมพรจับกุม จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป