ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับ ป.ป.ท. ป.ป.ช. เปิดปฏิบัติการจับกุมนายกเทศบาลตำบลท่าศิลา เรียกรับเงินต่อสัญญาจ้างงาน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก, พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.3 บก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายจรงค์ เกราะเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ, นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 สำนักสืบสวนแลละกิจการพิเศษ และเจ้าหน้าที่
สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่
ร่วมกันจับกุม
1. นายมานะฯ อายุ 46 ปี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าศิลา อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 4 ที่ 22/2568 ลงวันที่ 21 ส.ค. 2568
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการ อย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่”
2. นายวินัยฯ อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 4 ที่ 23/2568 ลงวันที่ 21 ส.ค. 2568
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ , เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่”
สถานที่จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหา เทศบาลตำบลท่าศิลา อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพนักงานจ้างเหมาบริการของเทศบาลตำบลท่าศิลา อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ว่านายมานะฯ นายกเทศมนตรีตำบลท่าศิลา มีพฤติการณ์เรียกรับเงิน จากพนักงานจ้างเหมาบริการและลูกจ้างภารกิจ เพื่อแลกกับการต่อสัญญาการจ้างงานตลอดระยะเวลาในวาระการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีฯ ของนายมานะฯ โดยเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2568 นายมานะฯ ได้เรียกประชุมลูกจ้างเหมาบริการของเทศบาลตำบลท่าศิลาประมาณ 50–60 คน ซึ่งก่อนการประชุมได้มีการเก็บเครื่องมือสื่อสารของทุกคนที่เข้าร่วมประชุม โดยนายมานะฯ ได้แจ้งผู้เข้าร่วมประชุมว่า เทศบาลมีงบประมาณไม่เพียงพอในการจ้างพนักงาน จึงจะขอลดอัตราการจ้างพนักงานลง โดยถ้าผู้ใดต้องการจะต่อสัญญาจ้างให้เข้าพบนายมานะฯ เป็นการส่วนตัว ซึ่งต่อมาก็ได้มีการมอบหมายให้หัวหน้าสายงานประปามาแจ้งลูกจ้างในสายงานอีกครั้งว่าถ้าต้องการต่อสัญญาจ้าง ต้องชำระค่าต่อสัญญาคนละ 25,000 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ร่วมกันวางแผนกับผู้เสียหาย โดยจัดให้มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวในระหว่างการนำเงินค่าต่อสัญญาจ้างไปจ่ายให้กับนายมานะฯ เมื่อได้พบกับนายมานะฯ ได้มีการพูดคุยเจรจาเพื่อขอแบ่งจ่ายและจะจ่ายงวดแรกเป็นเงิน 15,000 บาท ซึ่งนายมานะฯ ได้แจ้งให้ผู้เสียหายนำเงินจำนวนดังกล่าวไปมอบให้กับนายวินัยฯ เจ้าของร้านค้าใกล้ๆ กับเทศบาลตำบลท่าศิลา ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดของนายมานะฯ จำนวน 15,000 บาท และหลังจากจ่ายงวดแรกไปประมาณ 10 วัน ผู้เสียหายก็ได้ไปพบนายมานะฯ เพื่อไปจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก 10,000 บาท โดยนายมานะฯ ก็ให้ไปฝากไว้กับนายวินัยฯ ที่ร้านค้า เหมือนกับครั้งแรก
ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เขต 4 จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา จากนั้นจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย จนกระทั่งวันนี้ (3 ก.ย.68) บก.ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาในเขตพื้นที่ จ.สกลนคร และนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา