สืบนครบาล รวบสาวใหญ่บัญชีม้าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หักหลัง อ้างถูกเพื่อนหลอกพาเปิดบัญชีฝั่งปอยเปต โกงค่าจ้าง ซ้ำถูกขังรีดค่าไถ่ ได้หมายจับเป็นค่าตอบแทน

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. สั่งการ พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ฉัตรมงคล มีจั่นเพชร รอง สว.กก.3, ด.ต.ประเทศ ช่อลำเจียก, ด.ต.ภาณุพงศ์ เวฬุวนารักษ์ พร้อมฝ่ายสืบสวน กก.3 บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุมตัว นางสาวพิกุล อายุ 55 ปี หรือ “เจ๊ตุ๊ก เมืองจัน” ชาว จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.790/2568 ลงวันที่ 10 มิ.ย.2568 ข้อหา “ฉ้อโกง, ขำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ” ได้ที่หน้าบ้าน ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าได้ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงลักษณะ ให้ซื้อเครื่องสูบน้ำ ผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อว่า ” จำหน่ายเครื่องตัดหญ้า ” เมื่อเหยื่อโอนเงินไปกลับไม่ได้รับสินค้า และไม่สามารถติดต่อได้และโดนบล็อก โอนเงินไปยังบัญชีมิจฉาชีพ บัญชีธนาคาร ออมสิน ชื่อบัญชีของผู้ต้องหา เป็นจำนวน 3,100 บาท จึงมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.หนองจอก เพื่อให้ดำเนินคดี ต่อมาพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญามีนบุรีอนุมัติหมายจับ ก่อนติดตามไปจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้
จากการตรวจสอบประวัติในระบบ พบว่ามีหมายจับเพิ่มเติม ในท้องที่ สภ.เชียรใหญ่ ภ.จว.นครศรีธรรมราช คดีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่ ผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ที่บ้าน ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ ใน ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้เปิดเล่นเฟซบุ๊กผ่านโทรศัพท์มือถือ พบเพจชื่อ “พิมรี่พายขายทุกอย่าง” โฆษณาขายโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน 13 ในราคา 1,990 บาท ผู้เสียหายเกิดสนใจจึงทักหาเพจดังกล่าวทางแชต และได้พูดคุยกันกับผู้ใช้เพจดังกล่าว และตกลงซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ไอโฟน 13 จำนวน 1 เครื่อง ในราคา 1,990 บาท
จากนั้นผู้ใช้เพจดังกล่าวได้ส่งหมายเลขบัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี น.ส.พิกุล อารี ซึ่งเป็นชื่อผู้ต้องหา มาให้ทางแชตเพื่อให้โอนเงินไป
วันเดียวกัน เวลาประมาณ 15.14 น. ผู้เสียหลงเชื่อจึงโอนเงินจากบัญชีดังกล่าว จากนั้นหลังโอนเงินเสร็จเพจดังกล่าว แจ้งว่าให้จ่ายค่าภาษีในการจัดส่งอีก 2,990 บาท และจะโอนเงินค่าภาษีคืนภายใน 10 นาที ผู้เสียหายจึงโอนไปให้อีกครั้ง
หลังจากโอนเงินค่าภาษีไปประมาณ 10 นาที เพจดังกล่าวแจ้งให้ผู้ส่งที่อยู่ไปให้ และออกอุบายอีกว่ายังมีค่าประกันเครื่องอีก 4,999 บาท ผู้เสียหายจึงแจ้งว่าไม่มีเงิน มิจฉาชีพยังสอบถามเหยื่ออีกว่า มีเงินเหลือในบัญชีเท่าไร จึงตอบว่าเหลือ 56 บาท และต้องการยกเลิกการสั่งสินค้าเนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอในการโอนค่าประกันตัวเครื่องแล้ว ซ้ำยังแจ้งว่าหากยกเลิกต้องชำระเงินค่าบริการอีก 499 บาท กระทั่งผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รับเอกสารจากธนาคาร และตรวจสอบพบว่าบัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นางสาวพิกุล อารี ของผู้ต้องหา มียอดเงินเข้าจริง เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าเงินทั้ง 2 รายการ ที่ถูกโอนเข้ามายังบัญชีของผู้ต้องหาแล้ว ไม่เกิน 5 นาที และรวมถึงเงินรายการอื่น ๆ ที่มีการโอนเข้ามายังบัญชีของผู้ต้องหา จะถูกโอนต่อไปทันที จึงน่าเชื่อว่าเป็นการกระทำของแก็งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้บัญชีของผู้อื่น(บัญชีม้า) นำมาหลอกหลวงผู้เสียหายให้โอนเงิน พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมหลักฐานขอหมายจับต่อศาลจังหวัดปากพนัง โดยศาลอนุมัติหมายจับดังกล่าว กระทั่งมาถูกจับกุมในครั้งนี้
สอบสวน นางสาวพิกุล ผู้ต้องหา ให้การว่า ตนได้ถูกชักชวนจากเพื่อนของตนให้เปิดบัญชีธนาคาร และต้องไปสแกนใบหน้าฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดนให้ค่าตอบแทนบัญชีละ 5,000 บาท ตนจึงไปเปิดบัญชีธนาคารมา 4 บัญชีและเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามแดนโดยช่องทางธรรมชาติ ใกล้จุดผ่านแดนช่องผักกาด จังหวัดจันทบุรี
เมื่อไปถึงตนถูกให้ทำการสมัครแอปพิลเคชั่นธนาคารในมือถือจำนวน 4 เครื่อง เมื่อสมัครเสร็จแล้วตนถูกให้อยู่ในห้อง เพื่อรอให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรียกให้ตนไปสแกนใบหน้าเพื่อโอนเงินออกจากบันชีของตน จำนวนหลายครั้ง จนกระทั่งเข้าวันที่ 2 ตนถูกปล่อยให้กลับประเทศไทย เมื่อตนสอบถามเรื่องค่าจ้างของตนจำนวนเงิน 20,000 บาท กลับถูกแก๊งคอลเซนเตอร์โกง และขู่เอาเงินจากตนอีก ตนจึงโทรหาสามีให้โอนเงินค่าไถ่ให้แก๊งคอนเซ็นเตอร์ 8,000 บาท หลังจากนั้นตนถึงเดินทางกลับบ้านที่ จ. จันทบุรี และมาถูกสืบนครบาลจับกุมในที่สุด
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า ยังมีอีก 2 คดี ที่อยู่ระหว่างรอออกหมายจับ 1.สภ.สารภี ภ.จว.เชียงใหม่ ในข้อหา “ผู้สนับสนุน ฉ้อโกงประชาชน ตัวการ ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดฯ”
2.สภ.เมืองภูเก็ต ภ.จว.ภูเก็ต ในข้อหา “ผู้สนับสนุน ฉ้อโกงประชาชน ตัวการ ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดฯ”
เบื้องต้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองจอก และประสานท้องที่ที่เกี่ยวข้องมาอายัดตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป