ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบนายทุนตัวการใหญ่ขบวนการจัดหาบัญชีม้าข้ามชาติ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ และ พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นนำโดย พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ รอง ผกก. 3 ปอศ., พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล, ว่าที่ พ.ต.ต.รัฐชิน เจริญรัมย์ สว.กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.ต.ไพโรจน์ รังสิวรารักษ์ รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ปอศ., ด.ต.ไกรราช เทียมยศ ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ได้แก่
1) MR. CHIN อายุ 38 ปี สัญชาติมาเลเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5738/2567
ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน”
2) นางสาวเสาวลักษณ์ฯ สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5742/2567 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน”
สถานที่จับกุม ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา หมู่ที่ 7 ถนนกาญจนวนิช ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้ทำการจับกุม MR. LIM CHIN อายุ 38 ปี สัญชาติมาเลเซีย ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5738/2567 ในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” ขณะเดินทางเข้าประเทศไทย ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลจับกุม นางสาวเสาวลักษณ์ฯ ภรรยาของ MR. CHIN ตามหมายจับที่ 5742/2567 ในข้อหาเดียวกัน โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นผลมาจากการร้องทุกข์ของผู้เสียหายจำนวนมากที่ถูกหลอกลวงให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน “Nicshare” และ “ComonApps” ซึ่งอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยกลุ่มคนร้ายได้หลอกลวงผู้เสียหายผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยแอบอ้างบุคคลมีชื่อเสียงในวงการหุ้นเพื่อสร้างความเชื่อถือ ให้ลงทุนในหุ้นไทยและต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชัน “Nicshare” ซึ่งเป็นแอปปลอม โดยในระยะแรกผู้ลงทุนสามารถทำกำไรได้และถอนเงินได้บางส่วน ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและลงทุนเพิ่ม แต่เมื่อลงทุนมากขึ้น กลุ่มคนร้ายกลับไม่อนุญาตให้ถอนเงิน อ้างว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและภาษีก่อน จากการตรวจสอบพบว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และมีผู้เสียหายถูกหลอกลวงมากกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 800 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและพบว่ามีกลุ่มคนไทยและต่างชาติร่วมขบวนการ ดำเนินการหลอกลวงในหลายพื้นที่ รวมถึงมีเงินหมุนเวียนในกลุ่มคนร้ายมากกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหากว่า 50 ราย ในระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ เป็นหัวหน้าขบวนการ โดยมีการวางแผนหลอกลวงอย่างซับซ้อน และกระทำผิดเป็นขบวนการ รวมถึงการผ่องถ่ายเงินจากผู้เสียหายผ่านบัญชีธนาคารหลายบัญชี ก่อนที่จะนำเงินไปซื้อเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีสกุล USDT และทำการถ่ายโอนในรูปแบบดิจิทัล ทำให้การติดตามทรัพย์สินมีความยากลำบาก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ดำเนินการเปิดปฏิบัติการ “GHOST COMPANY” เพื่อตรวจสอบบริษัทนิติบุคคลกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ พบว่าหลายบริษัทไม่มีการประกอบกิจการจริง โดยถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเปิดบัญชีม้าและสนับสนุนขบวนการฟอกเงิน จนนำไปสู่การตรวจค้นบริษัทที่มีพิรุธจำนวน 6 จุดทั่วประเทศ ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ จนนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้
จากการซักถามปากคำผู้ต้องหารายทั้งสอง ให้การรับว่าจัดหาคนมาเปิดบริษัทนิติบุคคลจริงเพื่อเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งนำไปใช้และขายให้บุคคลอื่น โดยมีเครือข่ายลูกค้าหลายประเทศในอาเซียน จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่าบัญชีดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และธุรกิจสีเทา ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อติดตามและตรวจสอบต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จะดำเนินการขยายผลสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ รวมถึงผู้ที่มีบทบาทในการจัดตั้งบริษัทเพื่ออำนวยความสะดวกในการฟอกเงินมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ขอย้ำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการลงทุนออนไลน์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง และตรวจสอบข้อมูลบริษัทให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง