รวบหนุ่มบัญชีม้าแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกลงทุนคริปโต เสียหายกว่า 2.2 แสนบาท

รวบหนุ่มบัญชีม้า แก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกลงทุนคริปโต เสียหายกว่า 2.2 แสนบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.สมชาย ศรพล รอง ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.จำนาญ จันทร์เทศ รอง ผกก.4 บก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.รุตินันท์ สัตยาชัย สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปอศ.

ร่วมกันจับกุม นายศราวุธฯ อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ 509/2567 ลง 9 กันยายน 2567 ฐานความผิด ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและโดยเป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น จับกุมบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซ.นภาศัพท์แยกที่ 4 ถ.สุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ เนื่องด้วยประมาณเดือนกันยายนปี 2567 ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางพลัด เนื่องจาก ถูกผู้ใช้งานเฟชบุ๊ก ชักชวนให้ร่วมลงทุนจากสกุลเงินดิจิทัล เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายกว่า 2.2 แสนบาท

จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า เมื่อช่วงประมาณกลางเดือนมีนาคม 2566 ผู้เสียหายได้รับคำขอเป็นเพื่อนจากผู้ใช้งานเฟชบุ๊กดังกล่าว เมื่อได้เป็นเพื่อนกันแล้ว ผู้กล่าวหากับผู้ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวได้มีการพูดคุยกัน จากนั้นได้ถูกเชิญชวนให้เข้าไปสนทนากันต่อผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันไลน์ดังกล่าว ได้ชักชวนให้ผู้กล่าวหาร่วมลงทุนเพื่อหากำไรจากสกุลเงินดิจิทัล โดยให้ผู้กล่าวหาเข้าไปสมัครสมาชิกตามลิ้งก์ที่ส่งมาให้ เมื่อผู้เสียหายได้กดเข้าไปแล้ว ทางระบบได้มีแบบฟอร์มให้ผู้กล่าวหากรอกข้อความส่วนตัวเพื่อสมัครสมาชิก เมื่อผู้กล่าวหาสมัครสมาชิกเสร็จสิ้นแล้ว ทางระบบได้ส่งแสดงวิธีการลงทุน และการถอนเงินกำไรออกจากระบบ ผู้เสียหายได้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา จำนวนหลายครั้ง ต่อมาผู้เสียหายประสงค์ที่จะถอนเงินที่ได้กำไรดังกล่าว แต่ทางระบบแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อชำระค่าภาษีประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท แต่ครั้งนี้ผู้กล่าวหาไม่ได้โอนเงินไป จึงเชื่อว่าถูกหลอกทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาให้การว่าได้รับการติดต่อว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคาร โดยได้รับเงินค่าว่าจ้างเป็นจำนวน 300 บาทต่อ 1 บัญชีธนาคาร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.รุตินันท์  สัตยาชัย สว.กก.4 บก.ปอศ. โทร. 082-4516966

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย อย่าหลงเชื่อการลงทุนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) โดยอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งตามกฎหมายควบคุม การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลต้องทำกับผู้ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อของผู้ได้รับใบอนุญาตได้ทางเว็บไซต์ของ กลต. (www.sec.or.th) ก่อนจะตัดสินใจลงทุน และปัจจุบันมิจฉาชีพมีการจ้างวานบุคคลให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ระบุว่า “ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร หรือ e-wallet เป็นบัญชีม้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”