ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มคลั่งรัก พรากผู้เยาว์วัย 16 ปี ไปจากพ่อแม่
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก, พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญญา รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อวิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส., พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ, พ.ต.ท.เอกพล ปัญจมานนท์ รอง ผกก.1 บก.ปทส.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.สรัล ยศพลพิเนต สว.กก.1 บก.ปทส. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ร่วมกันจับกุม นายกนต์ธีร์ฯ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1034/2567 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ซึ่งกระทำความผิดฐาน “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย” จับกุมบริเวณริมถนน ซอยเสรีไทย 60 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ เมื่อประมาณต้นปี 2566 ผู้ปกครองของหญิงสาววัย 16 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.หนองจอก ว่าผู้ต้องหากระทำการพรากผู้เยาว์ ซึ่งเป็นลูกสาว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้รู้จักกับลูกสาวของผู้เสียหาย ผ่านทางแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ก่อนจะคบหากัน และทั้งคู่ได้มีอะไรกัน โดยทางพ่อแม่ฝ่ายหญิงเมื่อทราบเรื่องได้ว่ากล่าวตักเตือน ก่อนที่ผู้ต้องหาจะพาฝ่ายหญิงไปอยู่กินด้วย ผู้ปกครองของฝ่ายหญิงได้ไปตามที่บ้านของผู้ต้องหาหลายครั้ง แต่ผู้ต้องหาก็ยังพาฝ่ายหญิงไปอยู่กินกันอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้ผู้ปกครองตัดสินใจเข้าแจ้งความไว้ดังกล่าว กระทั่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไว้
ต่อมาผู้ต้องหาทราบว่าตนเองมีหมายจับ จึงหลบหนีออกจากบ้านที่อยู่อาศัย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตาม กระทั่งพบ นายกนต์ธีร์ฯ ผู้ต้องหารายนี้ อยู่บริเวณริมถนน ซอยเสรีไทย 60 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัว พร้อมหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบ และแจ้งสิทธิตามกฎหมาย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองจอก เพื่อดำเนินคดีต่อไป
สำหรับความผิดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเกรงว่าบางคนอาจจะเข้าใจผิด คิดว่ากรณีผู้เยาว์เต็มใจหรือสมัครใจไปด้วยเองนั้น ไม่มีความผิด แต่ตามหลักกฎหมายแล้วเป็นความผิดทางอาญา การพรากผู้เยาว์ถึงแม้ผู้เยาว์นั้นจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นความผิด ซึ่งมักจะเกี่ยวกับเรื่องเพศ โดยความผิดฐานพรากผู้เยาว์ที่ขึ้นสู่ชั้นศาลเป็นจำนวนมากมักเป็นคดีพรากร่วมกับข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา, พาไปเพื่อการอนาจาร, หรือพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร โดยแม้ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย เป็นความผิดอาญาไม่สามารถยอมความได้
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพ โดยรับว่าเป็นคนพาลูกสาวของผู้เสียหายมาอยู่ด้วยที่บ้านจริง