“รองต่าย” สั่งเร่งกวาดล้างผู้ค้ารายย่อยในชุมชน “ผู้ช่วยสำราญฯ” สนองนโยบาย เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นทั่วประเทศ”
ตามนโยบายรัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกพื้นที่ถือเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งในด้านการปราบปรามนั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อตัดวงจรและท่อน้ำเลี้ยงเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร.ให้ทุกหน่วยทำงานเชิงรุกในการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่รับผิดชอบ และสืบสวนขยายผลคดียาเสพติดทุกคดีเพื่อจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องทุกระดับ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ก.ค.67 ที่ศูนย์ปฏิบัติการ ห้องประชุมภักดีภูมิ บช.ปส. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.ผู้รับผิดชอบงานปราบปรามยาเสพติด ได้เดินทางมาติดตามการปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดทั่วประเทศ ผ่านระบบ zoom มีพล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อวเข้าร่วม สั่งการให้ทุกหน่วยเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพร้อมกันในเช้าวันนี้ โดยเป้าหมายการปิดล้อมดังกล่าวมีที่มาจากข้อมูลการซักถามผู้เสพหรือผู้ต้องหาคดียาเสพติด รวมทั้งข้อมูลการแจ้งเบาะแสของประชาชน จนทำให้ได้ข้อมูลผู้ค้ายาเสพติดในชุมชนมาทำการสืบสวนและกำหนดจุดปิดล้อมตรวจค้นเพื่อกวาดล้างจับกุม โดย ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 , กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส.,ทหาร,ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดจำนวน 896 เครือข่าย เป้าหมายปิดล้อมตรวจค้น 2,619 จุดตรวจค้น
ผลการปิดล้อมตรวจค้น สรุปรายละเอียด ดังนี้ จับกุมคดียาเสพติดรวม 1,559 คดี จับกุมผู้ต้องหา 1,455 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ 104 ราย ตรวจยึดของกลาง ได้แก่ ยาบ้า 1,342,788 เม็ด, ไอซ์ 95 กก.,คีตามีน 18 กก, เฮโรอีน 27 กก., ยาอี 2,644 เม็ด, อาวุธปืน 144 กระบอก ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน 652 รายการ รวมมูลค่า 94,446,755 บาท (ข้อมูล ณ เวลา 09.40 น.)
จากผลการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศในครั้งนี้ จะเห็นว่าตำรวจทั่วประเทศได้รุกอย่างหนัก อย่างเป็นรูปธรรม ทำจริง จับจริง และยึดจริง โดยในขณะนี้สำนักตำรวจแห่งชาติมีนโยบายเน้นการปราบปรามผู้ค้ารายย่อยซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชนในชุมชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าจากสถิติการจับกุมและยึดของกลางคดียาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 66 ถึงปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้ถึง 72,050 ราย และตรวจยึดยาบ้าได้ 781,341,317 เม็ด, ไอซ์ 15,550 กก. และ คีตามีน 2,641 กก. รวมทั้งการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องได้รวมมูลค่ากว่า 9,525 ล้านบาท สายด่วนแจ้งเบาะแสยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร 191 , 1599
ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. กล่าวภายหลังติดตามผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายค้ายาเสพติดพร้อมกันทั่วประเทศ ผ่านระบบ zoom
ว่า เน้นย้ำถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้ปฎิบัติงานในการเข้าตรวจค้นตามหลักยุทธวิธี หากพบว่าเป้าหมายเป็นอันตรายให้แจ้งผู้บังคับบัญชา ใช้หน่วยปฎิบัติพิเศษในสังกัดเข้าตรวจค้นโดยทันที
ส่วนการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดในครั้งนี้ เพื่อกวาดล้างผู้ค้ารายย่อยในชุมชน โดยตั้งเป้าเอาไว้จำนวน 4,097 เป้าหมาย จากข้อมูลการซักถามผู้ค้ารายย่อยที่ถูกจับกุมมาก่อนหน้านี้ ซึ่งจากผลการปฎิบัติ รายงานบ่าสุดจับได้ 2,637 เป้าหมาย ซึ่งน้อยกว่าที่ตั้งเป้าเอาไว้ โดยพื้นที่ที่จับผู้กระทำความผิดได้มากที่สุด คือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในพื้นที่อีสานตอนบน จับผู้กระทำความผิดได้มากกว่า 200 คน ส่วนในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็นพื้นที่ที่ยึดทรัพย์เครือข่ายค้ายาเสพติดมากที่สุด หลังจากนี้จะเร่งสืบสวนขยายผลคดียาเสพติดทุกคดีเพื่อจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องทุกระดับ แก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกพื้นที่ถือเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล
ส่วนผลการปิดล้อมตรวจค้น แบบเรียลไทม์ขณะนี้ ตำรวจได้เข้าตรวจค้นเครือข่ายค้ายาเสพติดจำนวน 874 เครือข่าย 2,637 เป้าหมาย สามารถควบคุมผู้กระทำความผิดได้แล้วขณะนี้ 1,700 คน จับผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 109 คน ตรวจยึดยาบ้าได้จำนวนกว่า 1,300,000 เม็ด เฮโรอีน 24 กิโลกรัม ไอซ์ 87 กิโลกรัม ยาอี 2,600 เม็ด เคตามีน 4 กิโลกรัม และอาวุธปืน 150 กระบอก ทรัพย์สินกว่า 670 รายการ มูลค่ารวมทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ในขณะนี้กว่า 96 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการปฏิบัติงานเข้าตรวจค้นอีกหลายจุดคาดการณ์ว่าตัวเลขผลการจับกุมจะเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะมีแถลงผลถึงรายละเอียดในการปฏิบัติงานครั้งนี้อีกครั้ง