ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบแก๊งอาบังหลอกลงทุนซื้อผ้าก่อนเชิดหนี มูลค่าความเสียหายกว่า 280 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก. 1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา และ พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ รอง ผกก. 1 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.นพพล ปุยะติ สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.ธีรพันธ์ หอมจันทร์ รอง สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.ต. สุรพงค์ จูหลิม รอง สว.(ป.) กก.1 บก.ป.
ร่วมกันจับกุมตัว นายอนุสรณ์ฯ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ 33/2564 ลงวันที่ 29 ม.ค.64 โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” จับกุมภายในซอย ซ.วชิรธรรมสาธิต 57 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2559 นางศรีประไพฯ (ผู้เสียหาย) ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่ได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า โดยกลุ่มคนร้ายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ชักชวนให้ผู้เสียหายเป็นนายทุนในการสั่งซื้อผ้าเพื่อนำมาใช้ในการตัดเย็บเสื้อผ้า เช่น ผ้าลินิน ผ้าไหม ชีฟอง ซึ่งต่อมาภายหลังเมื่อผู้เสียหายตกลงทำสัญญาแล้ว ผู้เสียหายจึงได้นำผ้าไปส่งให้กับกลุ่มคนร้าย โดยมีนายอนุสรณ์ฯ (ผู้ต้องหา) เป็นผู้รับผ้าและนำเช็คที่อ้างว่าเป็นเป็นเช็คสำหรับชำระค่าผ้าพร้อมผลตอบแทนมามอบให้กับผู้เสียหาย รวมจำนวนทั้งสิ้น 362 ฉบับ แต่ต่อมาภายหลังปรากฏว่าเช็คทุกฉบับไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากธนาคารได้ ซึ่งมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 280 ล้านบาท
ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับกลุ่มคนร้ายรวมไปถึงตัว ผู้ต้องหารายนี้ที่ได้ร่วมกันก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายตามหมายจับข้างต้น ภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สืบสวนทราบว่า กลุ่มชายชาวต่างชาติที่มีลักษณะเป็นแขกที่ได้ร่วมกันก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ยังคงเหลือตัว นายอนุสรณ์ฯ (ผู้ต้องหา) ที่หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักภายในซอย ซ.วชิรธรรมสาธิต 57 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังเข้าจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป