พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ควง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. นำทัพเปิดปฏิบัติการ “โค่นอิทธิพลเถื่อนด่านสำโรง” หลังก่อเหตุไล่ยิงคู่อริกลางถนนลาซาล-แบริ่ง โดยนำกำลังกว่า 100 นาย บุกเข้าค้นเซฟเฮ้าส์ 5 จุด รวบตัวการสำคัญได้ ตรวจยึดอาวุธปืน 38 กระบอก กระสุนกว่า 800 นัด พร้อมยุทธภัณฑ์จำนวนมาก ที่น่าตกใจคือมีชาวบ้าน มาฟ้องพฤติกรรม “สุดกร่าง” ข่มขู่ชาวบ้านในพื้นที่สั่งห้ามให้ตำรวจดูกล้องไม่งั้นจะยกพวกมาเผาบ้าน ล่าสุดขยายผลยังพบว่ากองโจรกลุ่มนี้เป็น “หัวเชื้อ” คอยแบ็คอัพให้กลุ่มช่างกลชื่อดังย่านบรรทัดทอง มีหัวหน้าซุ้มเป็นศิษย์เก่าช่างกลชื่อดังพัวพันธุรกิจสีเทา บิ๊กราญลั่น “ต้องเอาให้เหี้ยน”
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เวลา 06.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สําราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ภพธร จิตรหมั่น รอง ผบก.น.5 , พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ศิรณวชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 , พ.ต.อ.สุรพงษ์ สุขแย้ม ผกก.สน.บางนา , พ.ต.ท.เอกภพ ลิขิตธนสมบัติ รอง ผกก.สส.สน.บางนา , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส.บก.น.5 , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาล , สืบสวน น.5 และ สน.บางนา พร้อมด้วยกำลังพลกว่า 100 นาย เปิดปฏิบัติการ “โค่นอิทธิพลเถื่อนด่านสำโรง”ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายดนัย หรือออม อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.376/2567 ลงวันที่ 2 ก.ค. 67
ข้อหา “สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันเป็นความผิดฐานซ่องโจร , ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว , พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร , ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน , ทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะ , ชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้” จับกุมตัวได้ที่ ห้องเช่าเลขที่ 6/430 ชั้น 7 คอนโดชื่อดังแห่งหนึ่ง ซ.ด่านสำโรง 11 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ พร้อมกันนี้ได้นำหมายค้นศาลบุกทลายเซฟเฮ้าส์ “อิทธิพลมืดวัดด่านสำโรง” 5 จุด ดังนี้
1.บ้านเลขที่ 3374 ม.4 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลอาญาที่ ค.660/2567 ลงวันที่ 2 ก.ค. 67
2.บ้านเลขที่ 1093 ม.6 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลอาญาที่ ค.661/2567 ลงวันที่ 2 ก.ค. 67
3.บ้านเลขที่ 202 ม.2 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลอาญาที่ ค.662/2567 ลงวันที่ 2 ก.ค. 67
4.บ้านเลขที่ 6/430 ชั้น 7 คอนโดชื่อดังภายใน ซ.ด่านสำโรง 11 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลอาญาที่ ค.663/2567 ลงวันที่ 2 ก.ค. 67
5.บ้านเลขที่ 750/780 ม.8 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลอาญาที่ ค.664/2567 ลงวันที่ 2 ก.ค. 67
ผลการตรวจค้นพบ ดังนี้
1.อาวุธปืน 38 กระบอก
2. กระสุนปืนกว่า 800 นัด
3. เงินสด 127,000 บาท
4. สมุดบัญชีธนาคาร 16 เล่ม
5. โฉนดที่ดิน 10 ฉบับ
6. คู่มือจดทะเบียนรถ 15 เล่ม
6. โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
7. รถจักรยานยนต์ต้องสงสัย 6 คัน พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบ
8. ยุทธภัณฑ์ผิดกฎหมายจำนวนหลายรายการ
พฤติการณ์กล่าวคือ “อิทธิพลเถื่อน” จากเหตุอุกอาจเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 67 เวลา 03.00 น. บริเวณสามแยกไฟแดงลาซาล-แบริ่ง (ตัดใหม่) แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพ เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ “ยกโขยง” ขับรถจักรยานยนต์ไล่ล่าก่อนจะยิงจอดและตั้งป้อม ยิงใส่รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำ แม้จะเป็นระยะเกือบ 100 เมตร แต่คมกระสุนพุ่งเข้าศรีษะของ นายเจษฎา วิริยะ ที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ อย่างแม่นยำจนทำให้เสียชีวิต หลังสิ้นเสียงกระสุน ผู้ขับขี่รถยนต์ที่ยังมีชีวิตอยู่พยายามก้มตัวและขับหลบหนีอย่างสุดชีวิต จนรถปีนข้ามเกาะกลางถนนขับสวนเลนไปอย่างทุลักทุเล แต่ขบวนรถจักรยานยนต์กลุ่มคนร้ายยังคงขับติดตามไล่ยิงอย่างเหี้ยมเกรียม หลังเกิดเหตุสุดอุกอาจท้าทายกฏหมายนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.สั่งการทันทีให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 นำกำลังชุดสืบนครบาล , กก.สส.บก.น.5 และสืบสวน สน.บางนา ลงพื้นที่สืบสวนติดตามกลุ่มคนร้าย “เต็มสูบ” จนสืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มหัวโจกในพื้นที่ละแวกซอย “วัดด่านสำโรง” ซึ่งเคยร่วมกันก่อคดีในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ อาทิเช่น ร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ , ร่วมกันทำร้ายร่างกายฯ , ร่วมกันปล่อยเงินกู้ฯ , ร่วมกันบุกรุก โดยก่อเหตุลักษณะนี้มาไม่ต่ำกว่า 10 คดี ในห้วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเดิมกลุ่มคนร้ายมักจะก่อเหตุแต่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แต่คราวนึ้ย่างกรายมาก่อเหตุเลยเขตแดน จ.สมุทรปราการเพียง 100 เมตร “จึงเป็นอำนาจการสืบสวนสอบสวนของนครบาล” ซึ่งการสืบสวนนั้น“รองนพศิลป์” เปิดเผยว่าการตรวจสอบกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุทำให้ทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันไปก่อเหตุมีมากถึง 23 คน และยังพบเบาะแสว่ากลุ่มคนร้ายนี้เป็น “หัวเชื้อ” ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุของกลุ่มนักศึกษาช่างกลชื่อดังใจกลางกรุงในอีกหลายๆคดี และที่เห็นว่าต้องใช้มาตการขั้นเด็ดขาด เกิดจากเหตุการณ์ระหว่างที่ “ผู้การจ๋อ” นำกำลังชุดสืบนครบาลลงพื้นไล่กล้องวงจรปิดจนถึงบริเวณภายใน ซ.แบริ่ง 48/9 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พบชาวบ้านในละแวกต่างมีอาการหวาดผวาอย่างผิดปกติ กล่าวคือไม่กล้าให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพราะถูกทนายของกลุ่มคนร้ายมาข่มขู่ว่า “หากให้ตำรวจดูกล้องวงจรปิด จะยกพวกมาเผาบ้าน”และชาวบ้านยังแจ้งอีกว่าเหตุที่กลุ่มคนร้ายก่อเหตุซ้ำๆซากๆ แล้วยังสามารถลอยหน้าลอยตานี้ได้ เพราะมีทนายแสบเป็นผู้คอยตามล้างตามเช็ดเรื่องคดีนี้กับกลุ่มคนร้าย ทำกลุ่มคนร้ายย่ามใจกร่างได้สุดๆเช่นนี้ ซึ่งเมื่อชุดสืบสวนรับทราบเรื่องราวจากชาวบ้านในพื้นที่ ก็ตระหนักได้ว่าครานี้ ไม่ใช่การสู้กับผู้ร้ายทั่วไปแต่ต้องต่อสู้กับ “อิทธิพลเถื่อน” จนช่วงเช้าตรู่ นำกำลังชุดสืบนครบาล พยัคฆ์ร่ายเทพนคร , กก.สส.บก.น.5 และ สน.บางนา กว่า 100 นาย เปิดปฏิบัติการ “โค่นอิทธิพลเถื่อนด่านสำโรง” นำหมายค้นศาลบุกทลาย “เซฟเฮ้าส์” แหล่งกบดาน 5 จุด ก่อนจะรวบตัวการสำคัญได้ ตรวจยึดอาวุธปืน 38 กระบอก กระสุนกว่า 800 นัด พร้อมยุทธภัณฑ์จำนวนมาก หลังการจับกุมล่าสุดขยายผลทราบว่า หัวหน้าของกลุ่มคนร้ายคือ นายเพชร และ นายไปป์ ซึ่งทั้งสองเป็นอดีตนักศึกษาช่างกลชื่อดังย่านบรรทัดทอง และยังพัวพัน “ธุรกิจสีเทา”