สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจากแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก จนพบผู้ใช้บัญชีชื่อ “Kwankamol” ได้โพสต์ข้อความสาธารณะว่า “มาเล้ยยยยย” (พร้อมแนบภาพโพยหวยลาวชื่อว่าลาวคู่บ้านมหาเฮง) ซึ่งจะทำการขายหมายเลขเป็นคู่ โดยคิดราคาเป็นคู่ คู่ละ 50 บาท จึงได้ให้สายลับทำการล่อซื้อ จำนวน 2 คู่ ในราคา 100 บาท และให้สายลับโอนเงินให้แก่ผู้ขายที่บัญชี “ขวัญกมล” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมข้อมูล เพื่อทำการสืบสวน และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4 มอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนหาเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้น จนสามารถขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ ค 251/2567 ลงวันที่ 22 เมษายน 2567
ต่อมา พ.ต.ท.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ สว.กก.2 บก.สอท.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้นำหมายค้น เข้าค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.โรงเข้ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นบ้านที่ น.ส.ขวัญกมล พักอาศัยอยู่ จากการตรวจค้นพบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ phone รุ่น 11 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง ซึ่ง น.ส.ขวัญกมล ยอมรับว่าใช้โพสต์ขายหวยลาวจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัว น.ส.ขวัญกมลฯ ในข้อกล่าวหา “จัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพ้ว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามเบื้องต้น น.ส.ขวัญกมลให้การว่า ตนเองมีอาชีพทำงานบริษัท แต่เนื่องจากตัวเองมีบุตรที่เพิ่งคลอด จึงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ต้องหาอาชีพเสริม จึงได้ค้นหาอาชีพเสริมในเฟซบุ๊ก จนพบว่ามีข้อความหาตัวแทนขายหวยลาวและได้ให้คิวอาโค๊ดไว้ จึงได้แสกนคิวอาโค๊ดดังกล่าว และได้เข้ากลุ่มตัวแทนขายหวยลาว ซึ่งหลังจากตนเองได้เข้ากลุ่มดังกล่าวแล้ว ก็จะขอเบิกแผงสลากจากกลุ่มดังกล่าวเอามาโพสต์ขาย ซึ่งการขายแต่ละครั้ง จะโอนเงินค่าสลากดังกล่าวไปให้ ที่บัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี ทินกรฯ ซึ่งตนเองได้โอนเป็นประจำ และจากการที่ตนเองอยู่ในกลุ่มดังกล่าวพบว่า แอดมินกลุ่มได้มีการจำหน่ายแผงหวยลาวให้แก่สมาชิกเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าแต่ละวันจำหน่ายได้เป็นยอดเงินกว่าหลายแสนบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนและติดตามจับกุมแอดมินกลุ่มลับที่จำหน่ายหวยลาวเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป