วันที่ 24 เมษายน 2567 พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.เฉลิมวุฒิ วงษ์เวียงจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เดินทางไปที่ สภ.ศรีประจันต์ เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาคดีผลิตชิ้นส่วนปืนอัดลมขายทางอินเทอร์เน็ต หลังจาก พ.ต.อ.พีระ อัศวะพิบูลย์ผล ผกก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี สั่งการให้ ร.ต.อ.ไชโย อินพรม รอง สว.กก.สส. นำกำลังตำรวจสืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี ประสาน พ.ต.อ.วรภพ จำปาเงิน ผกก.สภ.ศรีประจันต์พ.ต.ท.อดิเรก ขุนจันดี รอง ผกก.สส.สภ.ศรีประจันต์ นำกำลังชุดสืบสวน สภ.ศรีประจันต์ เข้าตรวจค้นกวาดล้างอาวุธปืนในพื้นที่กลุ่มเป้าหมาย เป้าหมายแรกจับกุมนายอุทัย อายุ 44 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด 9 มม. 1กระบอก ลูกปืนจำนวน 14 นัด
จากนั้นได้เข้าตรวจค้นบ้านหมู่ 5 ตำบลวังยาง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเปิดเป็นร้านซ่อมจักรยานยนต์ผลตรวจค้นภายในบ้านพบชิ้นส่วนอาวุธปืนอัดลมพร้อมเครื่องมือการผลิตจำนวนมาก และสามารถควบคุมตัวนายวีระศักดิ์ หรือ เล็ก อายุ 37 ปี เจ้าของร้านซ่อมและเจ้าชิ้นส่วนอุปกรณ์ผลิตปืนดังกล่าว ทางตำรวจจึงได้ควบคุมตัวพร้อมกับกลางมาสอบสวนขยายผลที่ สภ.ศรีประจันต์
โดยของกลางที่ตรวจยึดได้นั้นเป็นชิ้นส่วนที่ใช้ประกอบเป็นอาวุธปืนอัดลม มี 18 รายการ เช่น ตัวครอบท่อครอบลำกล้องปืน 39 ชิ้น ฝาเกลียวที่ใช้ในการครอบท่ออัดลม 68 ชิ้น ถังลมที่ใช้ในการสร้างแรงดัน 3 ถัง ชุดโครงลั่นไก 53ชิ้น ท่อครอบลำกล้องปืน 45 ชิ้น ฝาครอบลลักโครงลูกเลื่อน 27 ชิ้น สลักโครงลูกเลื่อนเปิดลม 13 ชิ้น โครงลูกเลื่อน 58 ชิ้น โก่งไกปืน 38 ชิ้น สปิง 20 ชิ้น วาล์วเปิดลม (อยู่ในสลักโครงลูกเลื่อน) 20 ชิ้น คันง้าง (อยู่ในชุดโครงลูกเลื่อน) 43 ชิ้น บู๊ด(อยู่ในชุดสลักโครงลูกเลื่อนเปิดลม) 39 ชิ้น เข็มปล่อยลม (อยู่ในชุดโครงลูกเลื่อน) 18 ชิ้น คันบั้งโครงลูกเลื่อน 20 ชิ้น น็อต 4 ถุง ลำกล้องปืน(มีเกลียวลำกล้อง) 43 ชิ้น ซองบรรจุกระสุน(ลูกเหล็กหัวจีบ) 1 ชิ้น และแท่นตัดเครื่องมือในการใช้ในทำอาวุธปืน 1 เครื่อง ซึ่งชิ้นส่วนทั้งหมดที่ตำรวจยึดมา สมารถประกอบเป็นอาวุธปืนอัดลมขายได้ทันที หากประกอบเป็นอาวุธปืนแล้ว 1กระบอกสมารถขายได้13,000 บาทต่อ 1 กระบอก
ด้าน พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เผยว่า ได้รับเป้าหมายมาจากกองบัญชาการ สอท. โดยทาง ตำรวจชุด กก.สส..ภ.จว. สุพรรณบุรี ได้ร่วมกับ สภ.ศรีประจันต์ จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายค้นเข้าตรวจค้นตามเป้าหมาย ก็พบของกลางตามที่ยึดมาทั้งหมด ในเบื้องต้นทางผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมซึ่งเคย ถูกจับเมื่อปี 2563 ในข้อหาเกี่ยวกับการทำอาวุธปืน ซึ่งตอนนี้คดีอยู่ในระหว่างรอฟังคำตัดสินของศาลฎีกา ซึ่งก็ทราบว่าวันนี้ทางตัวผู้ต้องหาจะต้องเดินทางไปฟังคำตัดสิน แต่มาถูกจับกุมในคดีเดียวกันนี้เสียก่อน ซึ่งแม้ว่าจะเป็นแค่ชิ้นส่วนต่างๆ ของอาวุธปืน ในข้อกฎหมายก็ถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน ทางผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยได้อ้างว่ามีความจำเป็นเพราะจะต้องนำเงินไปดูแลครอบครัว แต่เป็นการกระทำผิดทางกฎหมายทางตำรวจก็ต้องดำเนินคดีไม่มีการละเว้น การผลิตนี้จะมีคนกลางรับงานมา แล้วมาสั่งผลิตแล้วนำออกไปขายต่อทางอินเทอร์เน็ต น่าจะทั่วประเทศ แล้วแต่ว่าใครจะสั่งชิ้นส่วนแบบไหน ก็จะมีการสั่งผ่านคนกลางมา เมื่อตัวผู้ต้องหาได้รับออเดอร์มาก็จะผลิตและส่งชิ้นส่วนนี้ให้กับคนกลางนำไปกระจายสินค้าต่อ
ทางด้านนายวีระศักดิ์ ผู้ต้องหา กล่าวว่า ที่ผลิตชิ้นส่วนปืนขายทำเพื่อเลี้ยงดูแลครอบครัว เพราะมันเป็นแค่งานขึ้นรูป ตนไม่ได้ประกอบเป็นตัว มันยิงไม่ได้เพราะชิ้นส่วนองค์ประกอบของปืนไม่ครบ มันไม่สามารถเอาไปยิงคนได้ สิ่งที่ทำมันมีแค่ชิ้นงาน มีลูกค้ามาสั่ง และก็รับซ่อมด้วย ถ้าปืนลูกค้าเสียชิ้นส่วนไหนเขาก็จะแกะ และส่งมาให้เราทำโดยตนจะ ขายชิ้นละ 350 บาท ไม่แพง เพราะที่เขาเอาไป มันเอาไปใช้งานไม่ได้เขาต้องไปแต่งเติมเอง ซึ่งตนเคยโดนจับเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วคดีอยู่ระหว่างฎีกาและวันนี้ต้องไปรอฟังคำพิพากษาชั้นฎีกา แต่กลับมาโดนจับก่อน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีประจันต์ และได้แจ้งข้อหากับนายอุทัย อายุ 44 ปี 563 ในข้อหา ทำอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และมาถูกจับกุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2