ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการ CIB breaks up online scam syndicate ทลายแก๊งหลอกเหยื่อลงทุนหุ้นต่างประเทศ
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์, พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ประภาส วังงาม, ว่าที่ พ.ต.ท.หญิง ปวีณวรรณ พลหาญ สว.กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.พงษ์เชษฐ์ นุ่มมาก, ร.ต.อ.วิโรจน์ พรประพฤติ รอง สว.กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.ท.ธรรมนูญ ทับทวี, ร.ต.ต.ไพโรจน์ รังสิวรารักษ์ รอง สว.(ป) กก.3 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.
ได้ร่วมกันจับกุม MS.Alanya อายุ 40 ปี สัญชาติลาว ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ผู้ใดมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบตามมาตรา 269/5 ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/6 สถานที่ตรวจค้น บ้านพักในพื้นที่ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
พร้อมของกลาง
1. โทรศัพท์ พร้อมสมุดบัญชีธนาคารและบัตรกดเงินสดอิเล็กทรอนิกส์จำนวน43ชุด
2. โทรศัพท์มือถือจำนวน66เครื่อง
3. สมุดบัญชีธนาคารจำนวน7เล่ม
4. บัตรกดเงินสดอิเล็กทรอนิกส์จำนวน28ใบ
5. ซิมการ์ดจำนวน458 อัน
6. โน้ตบุ๊กจำนวน 1เครื่อง
7. สมุดบัญชีธนาคาร(ประเทศลาว)จำนวน 1 เล่ม
8. เครื่องขุดบิทคอยน์จำนวน 4 ริกเตอร์
9. อุปกรณ์ต่อเครื่องขุดบิทคอยน์จำนวน 2 ชิ้น
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากการปฏิบัติการ “CIB breaks up online scam syndicate ปฏิบัติการสกัดภัยอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ” เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบปากคำ MR.CHEONG สัญชาติมาเลเซีย อายุ 43 ปี จนทราบว่าได้จัดส่งบัญชีม้าผ่านบริการจัดส่งพัสดุ ไปยังสถานที่จำนวน 2 สถานที่ ได้แก่ ประเทศมาเลเซียและภายในประเทศไทยผ่านบริการขนส่งพัสดุไปยัง MS. ALANYA โดยระบุที่อยู่เป็นบ้านพักในพื้นที่ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย นนทบุรี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนทางลึก ปรากฏข้อมูลว่า MS. ALANYA มีการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ในบริเวณบ้านพักหลังดังกล่าว จำนวนหลายรายการ อีกทั้งยังพบบัญชีธนาคารของบุคคลอื่นๆ ที่ทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันธนาคารในสถานที่เดียวกันอีกหลายบัญชี
ซึ่งแต่ละบัญชีมีการทำธุรกรรมกับบัญชีผู้ต้องหาอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าบุคคลดังกล่าว มีบทบาทสำคัญ ในการดำเนินการของเครือข่ายขบวนการนี้ โดยเฉพาะในการจัดการหรือการรับบัญชีม้าที่มีการใช้งานบัญชีหลายบัญชี ในลักษณะที่เก็บบัญชีม้าสำหรับการฉ้อโกงหรือฟอกเงินในคดี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. และทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า เป็นผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าว และอ้างว่ามีนายอาเหยาฯ สัญชาติจีน – มาเลเซีย ทำหน้าที่ประสานลูกค้าคนจีนที่มาเช่าระบบ มอบหมายหน้าที่ให้ผู้ต้องหาเพื่อทำเกี่ยวกับระบบฝาก-ถอน อัตโนมัติ โดยจะจัดส่งโทรศัพท์มือถือ บัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ และซิมโทรศัพท์มาให้ เพื่อให้ผู้ต้องหามีหน้าที่นำโทรศัพท์มือถือ บัญชีธนาคาร และ ซิมการ์ดโทรศัพท์ มาลงทะเบียน เชื่อมกับระบบฝาก-ถอน อัตโนมัติของเว็ปพนันและรับค่าจ้างจากนายคิวฯ เป็นรายเดือน เดือนละ 10,000 บาท และ รับเงินจากนายอาเหยาฯ เดือนละ 20,000 บาท
ตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนภัย ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนที่สนใจลงทุนในหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับบริษัทต่างประเทศ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ท่านอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพโดยไม่รู้ตัว หากต้องการลงทุนแนะนำให้เลือกลงทุนกับบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้น เพื่อป้องกันมิให้ถูกหลอกลวงและเกิดความเสียหาย จากผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาต และกลุ่มมิจฉาชีพ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจ ที่ได้รับอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์