ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบบัญชีม้า “หลานม่า” ตัวปลอม เหยื่อสูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.จำนาญ จันทร์เทศ รอง ผกก.4 บก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม น.ส.นุสรา ฯ อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.555/2566 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2566 ฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าหน้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ศรีคีรีมาศ อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อ ปี 2565 ผู้เสียหาย (อาม่า) อายุ 60 ปี ได้รับโทรศัพท์จากคนร้ายโดยอ้างเป็นหลาน ทำทีพูดคุยและสอบถามสารทุกข์สุกดิบ จึงหลงเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวเป็นหลานของตนจริง จากนั้น คนร้ายได้หลอกให้โอนเงินเพื่อเปิดโกดังสินค้าเป็น จำนวนเงิน 32,000 บาท ผู้เสียหายเห็นว่าหลานของตนกำลังตกงานอยู่ จึงโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้ ต่อมาคนร้ายได้อ้างว่าสินค้ามีลูกค้าสั่งเป็นจำนวนมากจึงต้องการเงินเพิ่มเพื่อสั่งสินค้าจึงขอให้โอนเงินมาเพิ่มอีก จำนวน 85,000 บาท ผู้เสียหายจึงได้โอนไปอีกครั้ง และคนร้ายได้อ้างอีกว่า ถ้าสั่งสินค้าเพิ่มอีกจะได้ส่วนลด ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินเข้าบัญชีคนร้าย รวมจำนวนทั้งสิ้น 7 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย ทั้งสิ้นกว่า 1,217,000 บาท
ต่อมาผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวได้ จึงเกิดสงสัยและได้ตรวจสอบกับญาติที่เป็นหลานตัวจริง จึงได้ทราบว่าบุคคลที่คุยทางโทรศัพท์ดังกล่าวไม่ใช่หลานตนเองแต่อย่างใด จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะสืบทราบว่าบัญชีธนาคารที่คนร้ายใช้รับโอนเงินจากผู้เสียหาย คือ น.ส.นุสรา ฯ ผู้ต้องหารายนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมขอศาลออกหมายจับ เพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป กระทั่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุม น.ส.นุสรา ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้ในพื้นที่ อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้จากการตรวจสอบฐานข้อมูลจากเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์(https://thaipoliceonline.go.th) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าบัญชีธนาคารดังกล่าวนั้น มีคนร้ายได้ใช้รับโอนเงินจากผู้เสียหายอีกด้วย โดยหลอกลวงให้ร่วมเล่นกิจกรรมในแอปพลิเคชัน TikTok ผ่านการซื้อเหรียญ เพื่อไปทำกิจกรรมต่างๆ หากทำสำเร็จจะได้รับเงินรางวัลตอบแทน โดยก่อนที่จะทำกิจกรรมนั้นต้องฝากเงินเข้าบัญชีดังกล่าวก่อน และจะสามารถถอนเงินได้ แต่เมื่อทำกิจกรรมเสร็จสิ้นแล้ว คนร้ายจะหาข้ออ้างต่าง ๆ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีเพิ่มเติม แต่ไม่สามารถเบิกถอนได้จริง มูลค่าความเสียหายกว่า 70,000 บาท และผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สน.หลักสอง อีกคดีหนึ่งด้วย