ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสองผัวเมีย ลักทรัพย์นายจ้างนานกว่า 2 ปี สูญเงินกว่า 7 แสนบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสองผัวเมีย ลักทรัพย์นายจ้างนานกว่า 2 ปี สูญเงินกว่า 7 แสนบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี, พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา และ พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.อนวัช ตันตินันทกุล สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.ธีรเดช อรุณนพรัตน์, ร.ต.ท.ณัฐฐาพร สนธิพงษ์ รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป.

ร่วมกันจับกุม

  1. นางสาวเสาว์คำฯ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ 67/2566 ลงวันที่ 23 มี.ค. 66 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง”
  2. นายสมเกียรติฯ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ 68/2566 ลงวันที่ 23 มี.ค. 66 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร”

สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน ซอยจีบสุวรรณ ตำบลบางสเร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พฤติการณ์ สืบเนื่องจากประมาณเดือนเมษายน 2563 นางสาวเสาว์คำฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ได้เข้ามาทำงานที่บริษัทบ่อทรายแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง ในตำแหน่งเสมียน ทำหน้าที่ชั่งน้ำหนักรถบรรทุกทรายของลูกค้า และจะดำเนินการเก็บเงินจากลูกค้า เพื่อนำส่งบริษัทต่อไป ต่อมาเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2565 ผู้เสียหายตรวจสอบพบว่าเงินของบริษัทได้หายไป จึงได้ตรวจสอบดูกล้องวงจรปิด พบว่ามีรถยนต์บรรทุกเข้ามารับทราย ไม่ตรงกับยอดที่นางสาวเสาว์คำฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) รายงานสรุปประจำวัน เมื่อทำการตรวจสอบบิลขายทรายของวันดังกล่าว พบว่ายอดขายบางรายการขาดหายไป ผู้เสียหายจึงเชื่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น โดยนางสาวเสาว์คำฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) แอบนำเงินที่ลูกค้าชำระค่าทรายไปเป็นของตนเอง ไม่ยอมส่งเงินให้บริษัท ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงช่วงเวลาที่ นางสาวเสาว์คำฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) เข้ามาทำงาน พบว่ามีบิลขายทรายขาดหายไปจำนวนหลายรายการ มูลค่าความเสียหายรวมกันแล้วเป็นเงิน จำนวน 759,000 บาท จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่านางสาวเสาว์คำฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ได้แอบนำเงินที่ได้จากการทุจริตไปเข้าบัญชีธนาคารของ นายสมเกียรติฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) เกี่ยวข้องเป็นสามี เพื่อปิดบังการตรวจสอบบัญชีของตนเอง จากนั้นจึงได้นำเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายส่วนตัว ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.ป่าโมก จว.อ่างทอง ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดอ่างทอง ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายดังกล่าวไว้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าหลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้งสองรายได้หลบหนีมาทำงานและพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงลงพื้นที่ตรวจสอบและวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายดังกล่าวได้ จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา