กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.3 บก.ทล., พ.ต.ท.ตุลยวัต เมืองทอง, พ.ต.ท.พลปพัฒน์ ภู่พูลทรัพย์ รอง ผกก.3 บก.ทล., ว่าที่ พ.ต.ต.สมโภชน์ บุญชะยา สว.ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.ต.พานิช บุญอากาศ รอง สว.(ป.)ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล., ร.ต.ท.ประจวบ ลำน้อย รอง สว.(ป.) กก.2 ปพ. ปฏิบัติราชการ ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล., ด.ต.สาธิต หิรัญเกื้อ และด.ต.ฐานันดร วงษ์กิมฮั้ว ผบ.หมู่ ส.ทล.5 กก.3บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม นายภูวนารถฯ หรือภู ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระนอง ที่ จ.13/2567 ลงวันที่ 29 มกราคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดฐานฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” สถานที่จับกุม ถนนไม่มีชื่อ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่ 3 ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว
พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 12.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล ได้รับข้อมูลจากสายลับว่า นายภูนารถฯ ผู้ต้องหานี้ เป็นเจ้าของบัญชีม้าแถว 2 ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. โทรหลอกลวงผู้เสียหายในพื้นที่ ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง จนหลงเชื่อและโอนเงินให้รวม 1.7 ล้านบาท พักอาศัยอยู่กับมารดาที่ บ้านหลังหนึ่ง ม.3 ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมได้สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ สภ.เขาฉกรรจ์ เพื่อเดินทางไปตรวจสอบบริเวณบ้านหลังดังกล่าว เมื่อเดินทางไปก่อนถึงบ้านหลังดังกล่าว ได้พบชายมีลักษณะคล้ายคลึงกันกับบุคคลตามหมายจับ ยืนเลี้ยงกระบืออยู่บริเวณถนนภายในหมู่บ้านดังกล่าว จึงได้แสดงตัวและแสดงบัตรเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้สอบถามชายดังกล่าวทราบชื่อว่า คือ นายภูวนารถฯ จึงได้แสดงหมายจับให้ นายภูวนารถฯ ดูและได้อ่านจนเป็นที่พอใจแล้ว พร้อมทั้งแจ้งข้อหาแจ้งสิทธิให้ผู้ถูกจับทราบ และเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว และไม่เคยถูกจับตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน
จากการสอบถาม นายภูวนารถฯ ให้การกับชุดจับกุมว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และให้การช่วงประมาณ เดือนพฤศจิกายน 2566 ได้มีกลุ่มบุคคลเดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน แล้วให้นำบัตรประชาชนมาให้แล้วจะให้เงิน นายภูวนารถฯ จึงได้นำบัตรประชาชนไปให้กลุ่มบุคคลดังกล่าว แล้วให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวสแกนใบหน้า แล้วได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน จำนวน 1,000 บาท ต่อมาเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนได้มีหมายเรียกมาที่บ้าน แต่นายภูวนารถฯ ก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจับกุมตัว ชุดจับกุมจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปากจั่น จังหวัดระนอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา