กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การ อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิญโย รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ รอง ผกก.6 บก.ป. และ พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.สวรรยา เอียดตรง สว.กก.6 บก.ป. และ ร.ต.อ.อนุวัฒน์ ณ ปัตตานี รอง สว.ฯ ปรก.กก.6 บก.ป. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ร่วมกันจับกุมตัว นายจิราพัชร์ฯ หรือบอย ดอนขี้เหล็ก ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดสงขลาที่ 346/2566 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” จับกุมในสวนปาล์มหลังบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 5 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา นายจิราพัชร์ ฯ ผู้ต้องหารายนี้พาพวกไปก่อเหตุลักทรัพย์ เป็นโครงเหล็กหลังคาของผู้เสียหาย จำนวน 2 คันรถ ภายในพื้นที่ สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กระทั่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ไว้ ต่อมาตำรวจกองปราบ สืบทราบว่า นายจิราพัชร์ฯ หรือบอย ดอนขี้เหล็กหลบหนีมากบดานในพื้นที่ อ.ควนกาหลง จ.สตูล จึงได้นำกำลังไปล้อมจับได้ในสวนปาล์มแห่งหนึ่ง ขณะกำลังทำสวน โดยเจ้าตัวรับสารภาพ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ควนกาหลง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบ พบว่า เมื่อปี 2564 นายจิราพัชร์ฯ หรือบอย ดอนขี้เหล็ก เคยต้องโทษคดีเก่าที่เคยปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน ในคดี“เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และมีไว้เพื่อนำออกมาใช้ซึ่งธนบัตรปลอม ซึ่งตนนั้นรู้อยู่แล้วว่าเป็นธนบัตรปลอม” หลังจากที่นายจิราพัชร์ฯ เคยเอาธนบัตรปลอมไปแลกซื้อของกับยายตาบอด เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.เมืองสงขลา โดยหลังจากพ้นโทษออกมาไม่นานก็กลับมาก่อเหตุซ้ำดังกล่าว และยังพบประวัติว่าผู้ต้องรายนี้ มีคดีติดตัวก่อนหน้าอีก 4-5 คดี ก่อเหตุมาแล้วอย่างโชกโชน ซึ่งถือเป็นภัยต่อสังคมและประชาชนอย่างมาก
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่าที่ก่อเหตุลักทรัพย์ไปเนื่องจากโกรธที่ผู้เสียหายเคยพูดจาดูถูกเหยียดหยามตน จึงพาพวกไปก่อเหตุเป็นการล้างแค้น