รวบหนุ่มใหญ่แก๊งคอลเซนเตอร์ ตีเนียนปลอมเสียงคนรู้จักหลอกเหยื่อโอนเงิน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มใหญ่ แก๊งคอลเซนเตอร์ตีเนียน ปลอมเสียงคนรู้จัก หลอกเหยื่อโอนเงิน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.พงศกร  ตันอารีย์ รอง ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.ท.อภิมัณฑ์ บานชื่น รอง ผกก.3 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.รัฐมนตรี พันชูกลาง สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.หญิงวรรณภา พรมบัญชา รอง สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.กัมพล อารีล้น รอง สว.ส.ทล.2 กก.6 บก.ทล., ด.ต.ปรากฏ วิเศษนครด.ต.อดิศักดิ์ นามปัญญา, ด.ต.อดิศร เปกาลี ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.6 บก.ทล., ว่าที่ ร.ต.ต.ธีระเดช เขียวงาม รอง สว.(ป)กก.3 บก.ป., ด.ต.ประชา คำมูล, จ.ส.ต.ชัยนาท ลำภา ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป., ส.ต.อ.สันติวัฒน์ จันจรวย ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป., ส.ต.อ.ธนพล บัวศรี ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป. และ ส.ต.อ.ธนบัตร พิลาสุก รรท.ผบ.หมู่ กก.สสน.บก.ป.ปรก.กก.3 บก.ป. ร่วมกับชุดสืบสวน ส.ทล.2 กก.6

ร่วมกันจับกุม นายปฏิวัติฯ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 673/2566 ลง 30 ต.ค.66 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้ หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใดๆ” จับกุมบริเวณ ถนนสาธารณะหน้าบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 14 ต.อีสาน อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เมื่อกลางเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ป. ได้รับการประสานจากผู้เสียหายให้ช่วยติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับ หลังกลุ่มผู้ต้องหาได้สุ่มโทรศัพท์หลอกหลวงผู้เสียหายโดยการแสดงตนเป็นบุคคลที่ผู้เสียหายรู้จักแล้วหลอกยืมเงิน ก่อนที่ผู้เสียหายจะหลงเชื่อโอนยังไปยังบัญชีผู้ต้องหา แต่สุดท้ายก็ติดต่ไม่ได้ จึงร้องขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ให้ติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี

จากการสืบสวนทราบพฤติการณ์ของผู้ต้องหว่า ก่อนเกิดเหตุ มีการโทรศัพท์ เข้ามาหาผู้เสียหาย แสดงตนเป็นพี่ที่ทำงานที่เคยสนิทและทำงานร่วมกันกับผู้เสียมาก่อน อ้างว่าโทรศัพท์หาย จึงเปลี่ยนเบอร์ใหม่ จากนั้นก็วางสายไป ต่อมาผู้ต้องหาโทรศัพท์มายังผู้เสียหายอีกครั้ง พร้อมขอยืมเงิน 5,000 บาท เพื่อไปจ่ายค่าสินค้า ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่มี ชื่อบัญชี นายปฏิวัติฯ (ผู้ต้องหา) ก่อนที่ผู้ต้องหาจะโทรมาอีกครั้ง พร้อมขอยืมเงินอีก 5,000 บาท อ้างว่าจะไปซื้อโทรศัพท์ แต่ครั้งนี้ บอกให้โอนเงินให้เจ้าของร้านโทรศัพท์โดยตรง อ้างว่าจะโอนเงินคืนผู้เสียหายให้ช่วงบ่ายในวันเดียวกัน ด้วยความเชื่อใจ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไปให้ผู้ต้องหา เมื่อถึงกำหนดคืนเงิน ผู้เสียหายได้ติดต่อเพื่อจะทวงเงินจากผู้ต้องหา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงทักแชทข้อความไปยังแอปพลิเคชันไลน์ส่วนตัวของเพื่อนที่ถูกแอบอ้าง พร้อมส่งหลักฐานสลิปการโอนให้ ทางเพื่อนผู้เสียหายยืนยันว่าไม่ได้โทรไปเพื่อขอยืมเงินหรือเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แต่อย่างใด จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก และเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแก๊งมิจฉาชีพนี้

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ทราบว่า นายปฏิวัติฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยที่บ้านหลังหนึ่ง

ในพื้นที่ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ชุดสืบสวน กก.3 บก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ส.ทล.2 กก.6 ลงพื้นที่ติดตามจนพบตัวผู้ต้องหา จึงเข้าจับกุมพร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ ยังพบว่านายปฏิวัติฯ มีหมายจับอีก 2 หมาย ซึ่งมีการกระทำผิดเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก ได้แก่

1.หมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ จ.379/2566 ลง 6 ก.ย.66 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”

2.หมายจับศาลจังหวัดหล่มสัก ที่ จ.177/2566 ลง 9 พ.ย.66 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ร่วมกัน

ลักทรัพย์, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมที่บิดเบือน หรือปลอม

ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประกาที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไส้สำหรับตน และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB )เตือนภัยประชาชน ให้ระวังถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ปลอมเสียง

เป็นเพื่อนสนิทโทรมาหลอกยืมเงิน โดยให้ข้อสังเกตไว้ ดังนี้

1. น้ำเสียงเหมือนคนที่แอบอ้าง

2. โทรมาแจ้งเบอร์โทรศัพท์ใหม่ให้ทราบแล้วทิ้งระยะไป ก่อนจะโทรซ้ำ พร้อมเริ่มปฏิบัติการ

3. อ้างเรื่องซื้อโทรศัพท์ใหม่ (เรื่องที่เป็นไปได้)

4. ใช้บัญชีผู้อื่นรับโอน (เพื่อทำให้คิดว่าเป็นบัญชีของคนขายโทรศัพท์)

5. คนที่ถูกแอบอ้างมักจะมีฐานะ ที่สามารถคืนเงินได้ ทำให้ผู้เสียหายไม่เอะใจ

ดังนั้นอยากให้ทุกคน ตั้งสติจากการรับเบอร์โทรศัพท์แปลก จากนั้นสอบถามคนรู้จัก หรือผู้ที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพแอบอ้าง ก่อนโอนเงินว่า ได้มีการขอยืมเงินจากกรณีดังกล่าวจริงหรือไม่ หากพบว่าไม่เป็นความจริง ให้เชื่อไว้ก่อนว่าเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ที่มาหลอกลวง ให้จำข้อมูลเบอร์โทร, บัญชีธนาคาร ชื่อสกุล และน้ำเสียงที่ถูกแอบอ้าง พยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำหลักฐานมายัง สถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้บ้านท่าน หรือแจ้งมายัง บก.ป. เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามจับกุมแก๊งขบวนการนี้และปราบขบวนการนี้ตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าตนไม่เคยมีและใช้บัญชีธนาคารดังกล่าว