“รองโจ๊ก” เตรียมเปิดโครงการ 1 โรงพัก 1 Smart Safety Zone สอดรับนโยบายรัฐบาล Smart Citi หวังใช้ AI สร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยว
หลังเปิดโครงการ Smart Safety Zone 4.0 เมื่อสามปีที่แล้วในยุคพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดย ศึกษาวิจัยควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ห้วยขวาง ลุมพินี และภาษีเจริญ ก่อนขยายไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก โดยใช้ AI เข้ามา เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบอาชญากรที่แฝงตัวอยู่ในสังคม และตามท้องถนน โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติกระทรวงอุดมศึกษา
ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ธ.ค.66 เวลาประมาณ 14.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงเบิร์น ประเทศสมาพันธรัฐสวิส พล.ต.อ.ดร.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัยในโครงการ Smart Safety Zone 4.0 พร้อมด้วยคณะผู้วิจัย ประกอบด้วย ศ.พล.ต.ต.หญิง ดร.พัชรา สินลอยมา รศ.ดร.สาโรช พูลเทพ พ.ต.อ.พงศ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ รอง ผบก.ตม.2 พ.ต.ท.หญิง ฐิติพร เรืองรอด รอง ผกก.กลุ่มงานวิเคราะห์และประเมินผล ผอ.สยศ.ตร. ดร.วิชิต แย้มยิ้ม ได้เข้านำเสนอบทความวิจัย เรื่อง Smart Safety Zone using Intelligent Surveillance System for Public Crime Prevention and Emergency Response ในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ (International Conference) 7th European Conference on Electrical Engineering & Computer Science (ELECS 2023) ณ กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส
โดยผลการวิจัยดังกล่าว เป็นผลการวิจัยที่ได้จากการดำเนินโครงการ Smart Safety Zone 4.0 เชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัยในชุมชน ที่ พล.ต.อ.ดร.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร. ได้ขับเคลื่อนภายในสำนักตำรวจแห่งชาติ กับ 100 สถานีตำรวจทั่วประเทศ ตั้งแต่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ณ ขณะนั้น ภายใต้โครงการ “การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและขยายผลโครงการสมาร์ทเซฟตี้ โซน เพื่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
การนำเสนอบทความวิจัยครั้งนี้ได้รับการรับรองจากการประชุมทางวิชาการ โดยจะนำบทความและข้อมูลของโครงการ ไปตีพิมพ์ลงบนฐานข้อมูล IEEE Xplore และฐานข้อมูล Scopus ซึ่งเป็นฐานข้อมูลทางวิชาการระดับโลก เพื่อสร้างระบบข้อมูลมาตรฐาน ที่เป็นที่ยอมรับในเวทีนานาชาติ
หลังจากก่อนหน้านี้ โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ได้คว้ารางวัลทั้งระดับประเทศ และระดับโลกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น รางวัล Gold Award ถ้วยเกียรติยศ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จากงาน Thailand Research Expo 2021 และรางวัลชนะเลิศ The Best Experience in Community Policing ด้านการป้องกันอาชญากรรม จากที่ประชุมสุดยอดตำรวจโลก (World Police Summit 2022) ณ มหานครดูไบ
พล.ต.อ.ดร.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นอีกบทหนึ่งในเวทีทางวิชาการระดับโลก ว่า โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ที่ดำเนินการใน 100 สถานีตำรวจทั่วประเทศนั้น เป็นโครงการที่ทำได้จริง ประสบความสำเร็จทั้งในพื้นที่ และมีผลการวิจัย รวมถึงทฤษฎีทางวิชาการรองรับ ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในประเทศ ส่งผลต่อความสงบสุขในสังคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพี่น้องข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ ได้ร่วมกันนำเทคโนโลยี บูรณาการความร่วมมือในทุกภาคส่วนของสังคม มาดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน
ส่วนในทางวิชาการนั้น โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ถือเป็นโครงการพิเศษ เป็นโครงการที่ทำจริงในพื้นที่ ยังคงดำเนินการอยู่ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ และทำการวิจัยโดยทีมนักวิจัย ที่เป็นนักวิชาการในมหาวิทยาลัยระดับประเทศ เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีและสมมติฐานทางวิชาการ ว่าโครงการที่ดำเนินการนั้น ประสบความสำเร็จทั้งที่เป็นรูปธรรมในพื้นที่ ส่งผลโดยตรงต่อพี่น้องประชาชน และประสบความสำเร็จทางวิชาการมีผลการวิจัยรองรับ
ด้วยเหตุนี้ ตนจึงตัดสินใจที่จะนำผลการวิจัยดังกล่าวมานำเสนอต่อการประชุมทางวิชาการระดับนานาชาติ เพื่อให้ผลการดำเนินการของโครงการนี้ ปรากฏต่อสาธารณชนทั่วโลก เป็นเครื่องยืนยันว่าโครงการนี้จะยังคงอยู่ และมีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้การันตีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งสอดรับกับการพัฒนาสังคมตามเป้าหมายที่ 8 ในเรื่องของการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องและยั่งยืน (Sustainable Development Goals 8)
ทั้งนี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังบอกเลยว่าในอนาคตจะผลักดันให้โครงการนี้กลายเป็นโครงการ หนึ่งโรงพัก หนึ่งสมาร์ทเซฟตี้โซน เพื่อสอดรับกับสมาร์ทซิตี้ ซึ่งเป็น นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยให้กับท้องถิ่นในการดูแลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
โดยเชื่อมั่นว่าการดำเนินการคู่กันจับมือสอดประสานกันทั้งหน่วยงานหลักอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและท้องถิ่นภายใต้นโยบายของรัฐบาล จะทำให้ทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และจะเป็นอีกหนึ่งคนไกลในการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่จะสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทยอย่างยั่งยืน