ตำรวจไซเบอร์ จับกุมเครือข่ายไฮบริดสแกรม หลอกให้รักและลงทุน ความเสียหาย 2,296,250 บาท
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ธ.ค.66 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.3 บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.1 เข้าจับกุมตัว นางแสนดี แก้วปะเสิด อายุ 46 ปี สัญชาติลาว หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรี ที่จ.1237/2566 ลงวันที่ 24 พ.ย.2566 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคลใดบุคคลหนึ่ง” โดยควบคุมตัวได้ที่ บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองชายแดนบ้านฮวก ต.ภูซาง อ.ภูซาง จว.พะเยา
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือน มิถุนายน 2566 ผู้เสียหายได้เข้าใช้งานแอปพลิเคชั่น เฟซบุ๊ก ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Mark Wilson” ทักมาหาผู้เสียหายพูดคุยเชิงชู้สาวกันจนเกิดความสนิทและเชื่อใจ จากนั้นเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุน ผ่านแพลตฟอร์ม Binance อ้างว่า เทรดแล้วได้กำไรจำนวนมาก ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงซื้อเหรียญผ่าน แบบ Peer-to-Peer (P2P) ลงทุน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ล้านบาท รวมเสียหายในแพลตฟอร์ม Binance 2,000,000 บาท โดยโอนใส่กระเป๋า Binance คนร้ายเพื่อให้ไปลงทุน
จากนั้นคนร้ายยังได้ชักชวนผู้เสียหายลงทุนอีกแพลตฟอร์มคือ SC-BIT อีก 296,250 บาท โดยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารซึ่งผู้เสียหายได้โอนเงินไปให้คนร้ายทั้งหมด จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2,296,250 บาท เมื่อต้องการที่จะถอนเงิน หรือยอดกำไร ก็ไม่สามารถถอนเงินได้ โดยคนร้ายจะอ้างด้วยเหตุผลต่างๆ เพื่อให้โอนเงินเพิ่มเรื่อย ๆ ถึงจะถอนเงินได้ สุดท้ายก็ไม่ได้รับเงินคืน จึงรู้ว่าถูกหลอกลวงและเดินมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.สอท.1 จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอให้ศาลอนุมัติหมายจับและจับกุมขบวนการ เพื่อตัดวงจรการหลอกลวงออนไลน์ กระทั่งวานนี้(20 ธ.ค.) เวลาประมาณ 18.00 น. สามารถติดตามไปจับกุมตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการดังกล่าวได้ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป