ศปน.ตร. ระดมกวาดล้างเครือข่ายแอปฯเงินกู้นอกระบบและแก๊งรับจำนำรถ ผู้ต้องหา 23 ราย

ศปน.ตร. ระดมกวาดล้างเครือข่ายแอปเงินกู้นอกระบบและแก๊งรับจำนำรถในพื้นที่ภาค 1 และ 2 ปูพรมตรวจค้นพื้นที่ รวมดำเนินคดี ผู้ต้องหา 23 ราย ยึดของกลางอีกหลายรายการ

ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากเงินกู้นอกระบบในหลายรูปแบบ เช่น แอปพลิเคชันเงินกู้  ผิดกฎหมาย , แก๊งหมวกกันน็อค , การรับจำนำรถ เป็นต้น ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./  ผอ.ศปน.ตร., พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. เร่งรัดปราบปรามกลุ่มเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ โดยให้ดำเนินการสืบสวนหาเครือข่ายผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง มีผลการดำเนินการ ดังนี้

1. ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 1 จับกุมแก๊งแอปเงินกู้นอกระบบ

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ ชป.ส่วนกลาง 1 ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ในความผิดเกี่ยวกับแอปพลิเคชันเงินกู้ผิดกฎหมาย ชื่อแอพ“กู้ให้ดีดี” ซึ่งมีรูปแบบการให้กู้ยืมผ่านแอปพลิเคชัน ระยะเวลาในการกู้ยืมเงิน 7 วัน โดยจะหักดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 40 ต่อ 7 วัน ต้องชำระเงินคืนเต็มจำนวน เมื่อคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปีจะพบว่า มีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2085% ต่อปี หากไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ทัน ผู้กู้ก็จะถูกโทรศัพท์มาข่มขู่ และโพสต์รูปประจานบนสื่อสังคมออนไลน์

จากการสืบสวนพบว่า เครือข่ายเงินกู้นอกระบบแอปพลิเคชัน “กู้ให้ดีดี” มีเส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม มีรายละเอียด ดังนี้

– กลุ่มบัญชีโอนเงินให้ผู้กู้ (บัญชีธนาคารขาเข้า) และเชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มบัญชีธนาคารที่ใช้เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ (บัญชีม้าสำหรับโอนเงินกู้ให้ผู้กู้)

– กลุ่มเจ้าของบัญชีรับชำระเงินต้น/ดอกเบี้ย (บัญชีธนาคารขาออกชั้นที่ 1) และเชื่อว่าเป็นกลุ่มบัญชีธนาคารที่ใช้เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ (บัญชีม้าสำหรับรับโอนชำระหนี้เงินกู้)

– กลุ่มเจ้าของบัญชี สำหรับพัก/ยักย้าย/รวบรวมทรัพย์สิน (บัญชีธนาคารขาออกชั้นที่ 2) โดยการรับโอนจากบัญชีธนาคารกลุ่มเจ้าของบัญชีรับชำระเงินต้น/ดอกเบี้ย และพบว่าบางส่วนโอนแจกจ่ายต่อไปยังบัญชีธนาคารกลุ่มโอนเงินให้ผู้กู้ จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มบัญชีนายทุนเงินกู้ และผู้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินกู้

จากพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมได้ จึงได้ร้องขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าของบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายลักลอบปล่อยเงินกู้ แอพพลิเคชั่น “กู้ให้ดีดี” จำนวน 14 ราย ในข้อหา “ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและโดยกำหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจำนวนเงินกู้หรือเรื่องอื่นๆไว้ในหลักฐานการกู้ยืม หรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ เพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและร่วมกันเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยมีเงินหมุนเวียนประมาณ 160 ล้านบาท

ต่อมาวันที่ 3 ส.ค.66 พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.บก.สส.ภ.1 , พล.ต.ต.วรพงศ์  คำลือ  ผบก.สส.ภ.๕  , พล.ต.ต.พัลลภ  แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ , พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผบก.ภจว.เชียงราย , พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ , พ.ต.อ.พีรศักดิ์  รอดบน  รอง ผบก.สส.ภ.1 / หน.ชป.ส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 1 และ พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ / หน.ชป.ส่วนกลาง ศปน.ตร.ชุดที่ 5 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร.ภ.1 และ ภ.5  เข้าทำการ ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 9 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และ เชียงราย ผลการดำเนินการสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 9 ราย หลบหนี 5 ราย ประกอบด้วย

1. น.ส.พรทิพย์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 476/2566 ลง 20 ก.ค.66

2. นายรังสิมันต์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 477/2566 ลง 20 ก.ค.66

3. น.ส.ศุจิกานต์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 478/2566 ลง 20 ก.ค.66

4. นายกิตติพันธ์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 480/2566 ลง 20 ก.ค.66

5. นายนที (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 484/2566 ลง 20 ก.ค.66

6. นายสิษธินันท์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 485/2566 ลง 20 ก.ค.66

7. นายสุทธินัน (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 486/2566 ลง 20 ก.ค.66

8. นางอรศิริ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 488/2566 ลง 20 ก.ค.66

9. น.ส.มณีพรรณ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 489/2566 ลง 20 ก.ค.66

นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว ภ.จว.สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2. ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 2 จับกุมแก๊งเสี่ยไอซ์ จำนำรถ

ด้วยเมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ภ.2  ได้ทำการจับกุม นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี โดยขออนุมัติหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา ที่ 12/2566 ลง 31 ม.ค. 2566 เข้าทำการตรวจค้นบ้าน 299/22 ม.4 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จว.ชลบุรี โดยมีนายณัฐพงษ์ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และนำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการส่วนกลาง ศปน.ตร.ภ.2 เข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง

จากการตรวจค้นได้ตรวจยึดจับกุม

          1. รถจักรยานยนต์ จำนวน 37 คัน

          2. รถยนต์ จำนวน 69 คัน

          3. โทรศัพท์เคลื่อนที่ฯ  จำนวน 1 เครื่อง

          4. สมุดจดบันทึกรายการบัญชีเงินกู้ของลูกค้าและรายการรับจำนำรถ จำนวน 1 เล่ม

          รวมของกลางทั้งสิ้น จำนวน 108 รายการ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับในความผิดฐาน “ ประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต , และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต” รวมของกลาง จำนวน 108 รายการดังกล่าวข้างต้น จากนั้นนำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี   เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท. อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ชัยต์พจน  สูวรรณรักษ์  รอง ผบช.ภ.2 / รอง ผอ.ศปน.ภ.2 ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ ชป.ส่วนกลาง 2 ให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับบุคคลอื่นที่ร่วมอยู่ในขบวนการ ต่อมาสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับบุคคลผู้เกี่ยวข้องได้เพิ่มเติม จำนวน 2 ราย ได้แก่

1. นายกฤตภาส (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.359/2566 ลง 13 ก.ค. 66 (จับกุม)

2. นายฐณะวัฒน์ หรือ เสี่ยไอซ์  (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.360/2566 ลง 13 ก.ค. 66 (หลบหนี)

ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต”

จากการดำเนินการดังกล่าว ต่อมาวันที่ 3 ส.ค. 66 พ.ต.อ.ชาตรี  สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี / หน.ชป.ส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 2 และ พ.ต.อ.อรรฆพงษ์  สุนทรวิภาต รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี /หน.ชป. ศปน.ภ.2 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร.ภ.2 , ภ.1 , ภ.7 , สตม. และ บช.ทท. เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 14 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี , ระยอง , พิษณุโลก และ กาญจนบุรี เพื่อค้นหาผู้ต้องหาตามหมายจับ รวมทั้งบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง และตรวจยึดทรัพย์สิน ผลการดำเนินการสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้สิ้น 7 ราย ประกอบด้วย

พื้นที่ จ.ระยอง

1. น.ส.จันทิมา (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 153/2564 ลง 2 ส.ค.64 ในข้อหา ฉ้อโกง และ แจ้งข้อกล่าวหา ประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต

2. นายนรงค์ฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 150/2566 ลง 31 ม.ค.66 ในข้อหา ยักยอกทรัพย์

3. น.ส.มณิสรา (สงวนนามสกุล) ในข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต และ จัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต

พื้นที่ จ.ชลบุรี

1.นายพิมพ์พันธ์ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.นายทศพนธ์ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

พื้นที่ จ.กาญจนบุรี

1.นายกฤตภาส (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 359/2566 ลง 13 ก.ค. 66 ใน

ข้อหา ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.นายภาคภูมิ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต และ จัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต

ซึ่งในปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้ มีของกลางที่ตรวจยึดได้ ดังนี้

1.รถยนต์ 29 คัน

2.รถจักรยานยนต์ 10 คัน

3.กุญแจรถยนต์ 12 ดอก

4.สมุดบัญชีเงินฝาก 10 เล่ม

5.บัตรเอทีเอ็ม 3 ใบ

6.สมุดจดรายการ 5 เล่ม

7.อาวุธปืน 1 กระบอก

8.โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง

9.โน๊ตบุค  3 เครื่อง

ซึ่งเครือข่ายรับจำนำรถของเสี่ยไอซ์ มีเงินหมุนเวียน ประมาณ 100 ล้านบาท

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. กล่าวว่า ในวันนี้ ศปน.ตร. มีหน้าที่ในการปราบปรามแก๊งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันมีการกระทำผิดในหลายรูปแบบ ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการจับกุม แอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบผิดกฎหมายที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน และเป็นการตัดวงจรกลุ่มบัญชีม้าซึ่งเป็นต้นทางของการนำไปก่ออาชญากรรมในหลากหลายรูปแบบ หลังจากจับกุมกลุ่มดังกล่าวแล้ว จะให้สืบสวนขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป เนื่องจากปัจจุบันพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ใช้การแปลงเงินตราให้เป็นเงินสกุลดิจิทัลเพื่อให้ยากแก่การติดตาม อย่างไรก็ตาม ศปน.ตร.จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มผู้กระทำผิดให้สิ้นซาก

นอกจากนี้ในส่วนของการปราบปรามแก๊งรับจำนำรถโดยผิดกฎหมายนั้น ก็เป็นปัญหาหนี้นอกระบบในอีกรูปแบบหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่สูงมาก ยังมีความเสี่ยงที่ผู้รับจำนำรถจะเอารถยนต์ที่มาจำนำไว้ไปจำหน่ายต่อ ในบางรายที่รถยนต์ยังอยู่ระหว่างเช่าซื้อ ทางผู้ประกอบการลีสซิ่งก็อาจจะฟ้องร้องในข้อหายักยอกทรัพย์ได้ จึงได้สั่งการให้เข้าตรวจยึดทรัพย์สินเหล่านี้ เพื่อเป็นการปราบปรามกลุ่มแก๊งรับจำนำรถ ไม่ให้สามารถดำเนินการผิดกฎหมายได้อีก

สุดท้ายนี้ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ   ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หากต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้ 

– ธนาคารแห่งประเทศไทย เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/app/BotLicenseChec