“รองโจ๊ก” เยือนสิงคโปร์ ประชุมร่วมตำรวจสากล ประสานข้อมูล จัดทำแผนปฏิบัติการ พร้อมเตรียมจัดตั้งศูนย์ประสานงานปราบปรามค้ามนุษย์ในไทย เพื่อยกระดับแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์สู่ระดับสากล
วันที่ 29 พ.ค.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์ รอง ผบก.กองการต่างประเทศ และ พ.ต.อ.พงษ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ ผกก.ตม.จว.สงขลา/ สมาชิกชุดปฏิบัติการนานาชาติเพื่อการปราบปรามการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก FBI ได้เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศเด็กและการค้ามนุษย์ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์การตำรวจสากล ณ อาคารสำนักงานนวัตกรรมองค์การตำรวจสากล (Interpol Global Complex for Innovation: IGCI) สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีคุณสมิตา มิตรา และ คุณกอร์ดาน่า วูจิซิส ผู้แทนจากองค์กรตำรวจสากล แผนกอาชญากรรมเกี่ยวกับเด็กเข้าร่วมด้วย
ในที่ประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำเสนอเกี่ยวกับผลการปฏิบัติของ ศพดส.ตร. ในด้านการบังคับใช้กฎหมายและจับกุมคดีค้ามนุษย์และคดีแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีผลการปฏิบัติมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งความก้าวหน้าในการพัฒนากระบวนการช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ซึ่งได้มีการนำเสนอต่อผู้แทนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจนได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ขยับให้ประเทศไทยเป็นเทียร์ 2
มีการหารือการแสวงหาความร่วมมือร่วมกันในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก สถานการณ์การกระทำผิดกฎหมายประเภท Online Scam ที่ประเทศเป้าหมายคือประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะเหยื่อการค้ามนุษย์ใน Online Scam ที่เพิ่มขึ้นในประเทศพม่า และเหยื่อเหล่านั้นยากต่อการช่วยเหลือ เพราะมีสถานการณ์การสู้รบในประเทศพม่า แต่ตำรวจสากลก็ยังสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้บางส่วนจากการประสานงานกับตำรวจสากลในประเทศไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย โดยมีเคสที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ 9 เคส และดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 12 เคส และสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ 88 คน จากหลากหลายสัญชาติ โดยในปีนี้ทางตำรวจสากลจะจัดการประชุมในประเทศไทยในประเด็นดังกล่าว ตำรวจสากลต้องการจัดทำแผนปฏิบัติการและต้องการตั้งศูนย์ประสานงานในประเทศไทยเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้เห็นด้วย พร้อมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์อาชญากรรรมปัจจุบันจะรวมกันอยู่ทั้งหมด เช่น กลุ่มแก๊ง กลุ่มขบวนการยาเสพติดก็จะทำผิดในความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ และเชื่อมโยงกับกลุ่มประมงผิดกฎหมาย ซึ่งจะสังเกตตุได้ว่าเป็นขบวนการเดียวกัน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการในการทำงานร่วมกันของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็ได้ไปประชุมทวิภาคีเพื่อป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์กับประเทศพม่า และที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเบาะแสการล่วงละเมิดทางเพศเด็กจาก NCMEC และจาก Interpol สิ่งที่ทำเพิ่มเติมที่แตกต่างจากอดีตคือการขยายผลหาตัวเหยื่อในทุกคดี เพื่อปกป้องและเยียวยาเด็กส่งคืนสู่สังคม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในทุกมิติ ทุกข้อหาที่กระทำความผิด รวมถึงการยึดทรัพย์และดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน
ล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้ขอความร่วมมือให้ Interpol ส่งข้อมูลเบาะแสการกระทำความผิดที่มากกว่านี้ เหมือนกับที่ได้รับข้อมูลมาจาก NCMEC ซี่งที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับข้อมูลจาก Interpol มาจำนวน 5 กรณี ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และช่วยเหลือเหยื่อเด็กออกมาได้ทุกกรณี ซึ่งทาง Interpol จะส่งข้อมูลเบาะแสให้ผ่าน ICSE Database และ TICAC จะเป็นเจ้าภาพในการปฏิบัติการและรายงานผลให้ Interpol ทราบโดยทันทีเมื่อเสร็จสิ้นปฏิบัติการ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ยังให้ความมั่นใจกับ Interpol ว่า ในประเทศไทยไม่มีฐานของแก็งค์ Call Center ในประเทศไทย ฐานแก็งค์เหล่านั้นล้วนอยู่ประเทศรอบ ๆ ประเทศไทยทั้งสิ้น และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยยังช่วยเหลือเหยื่อแก็งค์ Call Center กลับมาได้ประมาณ 1,700 คน และคัดแยกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ได้ประมาณ 200 คน ส่วนที่เหลือล้วนเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งสิ้น ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอความร่วมมือไปยังตำรวจสากลในการออกหมายแดงแก่ผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในประเทศไทย และการสืบสวนหาพิกัดของผู้ต้องหาเหล่านั้นที่เดินทางหลบหนีออกไปจากประเทศไทย เพื่อทางการไทยจะได้ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมประชุมแสวงหาความร่วมมือด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ร่วมกับผู้แทนองค์การตำรวจสากล ซึ่งที่ผ่านมา ศพดส.ตร. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ประสานความร่วมมือกับองค์การตำรวจสากลในหลายๆด้าน และในครั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือในการประสานข้อมูลเกี่ยวกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการแสวงหาประโยชน์ทางเพศต่อเด็กที่อาจหลบหนีมากระทำผิดในประเทศไทย เพื่อที่ทางการไทยจะได้ปราบปรามอาชญากรเหล่านี้ให้หมดไป รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือในการเพิ่มศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากองค์การตำรวจสากลได้อีกในอนาคต เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของไทยในการปราบปรามการค้ามนุษย์สู่ระดับสากล