ผบ.ตร. จัดกำลังตำรวจ 130,000 นาย สนับสนุนการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2566 พร้อมเปิดศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งฯ สืบสวน ติดตามสถานการณ์ บังคับใช้กฎหมายในห้วงการเลือกตั้ง
วันนี้ (20 เม.ย.66) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งฯ, พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ รอง จตช. พร้อมด้วยเลขาธิการ กกต., รองเลขาธิการ กกต., กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และคณะ ร่วมแถลงผลการประชุมเปิดศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) ตามแผนรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พิทักษ์เลือกตั้ง/66)
โดย ตร. ได้กำหนดเปิดศูนย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. – 17 พ.ค.66 รวม 28 วัน เพื่อสนับสนุนภารกิจการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พ.ศ.2566 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับภารกิจในห้วงแรกที่ดำเนินการไปแล้ว คือ การรักษาความปลอดภัยสถานที่รับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ สถานที่พิมพ์บัตรเลือกตั้ง และการขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับในห้วงต่อไป จะเป็นภารกิจการขนส่งบัตรเลือกตั้งไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ การรักษาความปลอดภัยการเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค.66 ซึ่งมีการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า รวม 2,153,450 ราย (นอกเขต/ในเขต 2,042,381 ราย นอกราชอาณาจักร 111,069 ราย) และเลือกตั้งทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.66 โดย ตร. ได้จัดกำลังตำรวจดูแลหน่วยเลือกตั้ง 94,913 หน่วย หน่วยละอย่างน้อย 1 นาย รวมถึงภารกิจอื่น ๆ เช่น การจัดชุดสืบสวนหาข่าว ชุดรักษาความสงบเรียบร้อย ชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อเข้าระงับเหตุ ชุดป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกการจราจร จัดกำลังตำรวจดูแลความปลอดภัยทุกขั้นตอนการปฏิบัติ ตั้งแต่ก่อนเปิดหีบเลือกตั้ง จนถึงการนับคะแนน ณ หน่วยเลือกตั้ง แล้วเสร็จ ตลอดจนนำส่งหีบบัตรเลือกตั้งไปยังที่เก็บรักษาบัตร มีการใช้กำลังตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจสันติบาล ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และตำรวจทุกหน่วยในสังกัด คาดว่าจะใช้กำลังตำรวจในการสนับสนุนภารกิจการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ มากกว่า 130,000 นาย
ทั้งนี้ ตร. ได้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม (29 มี.ค.66 – 10 เม.ย.66) จับกุมคดีอาชญากรรมประเภทต่างๆ รวม 50,455 ราย จับกุมผู้ต้องหา 53,525 คน และจับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวม 4,391 ราย จับกุมผู้ต้องหา 4,320 คน และตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.66 เป็นต้นมา พบว่ามีการกระทำความผิดทำลายป้ายหาเสียง จำนวน 639 ป้าย ในพื้นที่ 21 จัดหวัด ดำเนินคดีอาญา 54 คดี โดยอยู่ในพื้นที่ กทม. ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน
การเปิดศูนย์ฯ วันนี้ฯ ผบ.ตร.ได้มีข้อเน้นย้ำในเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดปฏิบัติ ดังนี้
1.กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามกฎหมายหากพบการกระทำความผิด ให้วางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด และขอให้หน่วยที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกร้องเรียนว่าวางตัวไม่เป็นกลาง ให้หน่วยเร่งรัดสืบสวนและสรุปข้อเท็จจริง แล้วรายงานมายัง ตร. ทราบ (ผ่าน ศปก.ตร.)
2.ให้ทุกหน่วยจัดฝึกอบรมข้าราชการตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่สำหรับภารกิจการสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามระเบียบ กฎหมาย และเตรียมความพร้อมการปฏิบัติ รวมถึง การจัดทำแผนการปฏิบัติ แผนเผชิญเหตุ
3.วางมาตรการในการป้องกันเหตุความไม่สงบเรียบร้อย การปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง หรือการจัดกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองทุกพรรคในพื้นที่รับผิดชอบ
4.กำหนดการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในระหว่างวันที่ 4 – 10 พ.ค.66 รวม 7 วัน ให้เน้นกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง อาวุธสงคราม ตลอดจนการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับเลือกตั้ง
5.วางแผนการบริหารจัดการกำลังพลสนับสนุนการปฏิบัติตามที่ กกต. ร้องขอ
พร้อมขอความร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งฯ พรรคการเมือง และประชาชน ขอให้พึงระมัดระวังอย่ากระทำการใดที่ผิดต่อกฎหมายทางอาญา หรือกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และขอความร่วมมือประชาชน แจ้งข้อมูล เบาะแส สอดส่องพฤติกรรม หรือการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ได้ที่สถานีตำรวจในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ หรือ โทร. 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชม. หรือแจ้ง กกต. ในพื้นที่ทราบ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ตามกฎหมาย