วันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.บุญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.จักกฤษ เครือสุนทรวานิช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.นฤพนธ์ วานิชนุเคราะห์ ผกก.สภ.สามควายเผือก พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดม ผกก.กก.สส.1 บก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.อรรถการ กองสุผล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.ณรงค์ แก้วศรี รองผกก.สส.ภ.จว.นครปฐมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.1 บก.สส.ภ.7 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.นครปฐม และ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สามควายเผือก และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมจำนวน 3 คน นาย สถาพร หรือ แพ๊ค คล้ายมณี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.8 ต.คลีกลิ้ง อ.ศิลาลาด จว.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.450/2565 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 นาย ธีรวัฒน์ หรือเบส พลับพลึง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/40 หมู่ 1 ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จว.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.453/2565 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 และนาย พัชรวุฒิ หรือโอ๊ค พลับพลึง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/40 ม.1 ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จว.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.454/2565 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืนในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและบุกรุกโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและมีอาวุธ
พล.ต.ท.ธนายุตม์ เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 13.40 น.ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามควายเผือกได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนร้ายประมาณ 3-4 คนได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ที่เกิดเหตุบริเวณบ้านเลขที่ 5/5 ม.1 ต.สามควายเผือก อ.เมือง จว.นครปฐม จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบ นายประพรึก โตวิฐาน อายุ 38 ปีซึ่งเป็นคนงานอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้มีชายประมาณ 3 คนขับรถยนต์กระบะ อีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 ฒจ – 6470 กรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาจอดแล้วถามหาเจ้าของบ้านชื่อ นายแจ็ค ซึ่งเป็นนายจ้าง ของตน แต่นายแจ็คไม่อยู่บ้าน ทำให้ชายดังกล่าวไม่พอใจและใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าจำนวน 3 นัดแล้วขับรถยนต์หลบหนีไป
จากการสอบสวน นายประพรึก โตวิฐาน กับคนงานอีก 4 คน ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุได้ให้การว่า ได้มาทำงานที่บ้านหลังดังกล่าวเมื่อประมาณเดือน เม.ย.65 โดยมีเพื่อนที่ทำงานอยู่ก่อนแล้วแนะนำมา โดยมาทำงานรับจ้างปลอกสายไฟ โดยตนได้รับค่าจ้างวันละ 300 บาทและพักอาศัยอยู่ภายในบริเวณบ้านหลังดังกล่าว โดยทราบว่าเจ้าของบ้านชื่อตุ๊ก และนายแจ็คได้มาเช่าบ้านทำเป็นโรงงานปลอกสายไฟ แต่ตั้งแต่ตนได้เข้ามาทำงานพวกตนไม่เคยพบเจอนายแจ็คซึ่งเป็นนายจ้างเลย โดยนายแจ็คจะสั่งงานทางไลน์ และจ่ายค่าจ้างโดยโอนเงินมาให้ พวกตนไม่เคยเจอและไม่รู้ว่านายแจ็คเป็นใคร และ ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อและช่วง2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ นายแจ็คไม่ได้ติดต่อมาสั่งงานอะไร และไม่ได้จ่ายเงินค่าจ้างให้คนงานเลย และต่อมาได้มีชายแปลกหน้ามาถามหานายแจ็คที่บ้านหลังดังกล่าวครั้งนึงแล้ว ซึ่งคนงานก็ได้แจ้งว่านายแจ็คไม่อยู่และติดต่อไม่ได้ ชายแปลกหน้าคนดังกล่าว จึงขอแลกไลน์ กับคนงาน และคอยสอบถามถึงนายแจ็คแต่ไม่ยอมบอกถึงสาเหตุที่มาติดตามหานายแจ็ค จนกระทั่งในวันเกิดเหตุ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ กลุ่มดังกล่าวเดิมมาสอบถามหานายแจ็คอีกครั้ง ซึ่งคนงานก็ได้แจ้งไปว่านายแจ็คไม่อยู่แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ ดังกล่าวไม่พอใจ จึงได้ใช้อาวุธปืนสีดำแบบออโตเมติกยิงขึ้นฟ้าจำนวน 3 นัดแล้วขับรถหลบหนีไป
พล.ต.ท.ธนายุตม์ เปิดเผยอีกว่า จากการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบว่า นายสถาพร คล้ายมณี อายุ 32 ปี และนาย พัชรวุฒิ หรือโอ๊ค พลับพลึง อายุ 28 ปี คือกลุ่มผู้ร่วมก่อเหตุ จึงได้รวบรวมวัตถุพยานหลักฐานต่างๆและสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ขออำนาจศาลจังหวัดนครปฐมออกหมายจับเลขที่ จ.450/2565 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 นาย ธีรวัฒน์ หรือเบส พลับพลึง อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.453/2565 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 และนาย พัชรวุฒิ หรือโอ๊ค พลับพลึง อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.454/2565 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ในความผิดฐาน”ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทาสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและบุกรุกโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและมีอาวุธ
จากสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ได้ให้นายแจ็คเช่าซื้อบ้านหลังดังกล่าวโดยมี นาง บี(ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) แฟนของแจ็ค เป็นคนทำสัญญาเช่าซื้อ แต่นายแจ็คไม่ยอมจ่ายค่าเช่าซื้อซึ่งทางเจ้าของบ้านจึงได้บอกยกเลิกสัญญาเช่าซื้อไปแล้ว แต่ทางนายแจ็คได้ขอเช่าอยู่ต่อในราคาเดือนละ 75,000 บาท ซึ่งทางเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวจึงให้เช่าอยู่โดยไม่ได้มีการทำสัญญาเช่าซึ่งจะครบกำหนด เช่าในเดือนนี้