ตำรวจตั้ง 5 ข้อหาหนักเอาผิดชายเร่ร่อนจับป้าแมว เป็นตัวประกัน

ตำรวจตั้ง 5 ข้อหาหนักเอาผิดชายเร่ร่อนจับป้าแมว เป็นตัวประกัน รอง ผบช.ภ.4 ย้ำชัดคนเร่ร่อนหรือคนปกติ หากทำผิดกฎหมายดำเนินการตามขั้นตอนเด็ดขาด พบประวัติเคยค้าขายที่ขอนแก่นแต่กลับไปอยู่สุพรรณบุรี และมีอาการทางจิตเนื่องจากเลิกกับภรรยา


จากกรณีที่ นายสุรพล  คมสินธุ์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 290 ม.7 ต.เขาเพิ่ม อ.บ้านนา จ.นครนายก ใช้ระเบิดชนิด เอ็ม 61 ก่อเหตุจับตัวป้าแมว หรือนางสุวรรณ์  ตาแสงสา อายุ 52 ปี ไว้เป็นตัวประกัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่าสมา ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ภ.4 จะตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงนายสุรพล ขณะพยายามจะใช้ระเบิดที่นำมาด้วยขว้างไปที่ตัวประกันที่วิ่งหลบหนีและเสียหลักล้มลง และช่วยเหลือตัวประกันได้อย่างปลอดภัย เหตุเกิดที่ปากซอชุมชนเทพารักษ์ 4 ถ.หลังศูนย์ราชการ ต.ในเมือง  อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 19 ก.ค.2565 พล.ต.ต.ไพศาล  ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า นายสุรพล ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล รู้สึกตัวดีและพยักหน้าได้อย่างเดี่ยว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรจคอยเฝ้าตลอด 24 ชม.เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญ โดยทีมแพทย์ยังคงใช้เครื่องช่วยหายใจ และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน

 “ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้ตั้งข้อกล่าวหาผู้ต้องดักล่าว รวม 5 ข้อหา ประกอบด้วยพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และ พยายามฆ่า ตัวประกัน, มีอาวุธระเบิดไว้ในครอบครองและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต,กักขังหน่วงเหนี่ยว, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่และ เสพยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยขัดต่อกฎหมาย โดยต้องให้แพทย์อนุญาตให้ออกจาก รพ.ฯก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยในชั้นพนักงานสอบสวนนั้นมีการคัดค้านการประกันตัวอย่างเด็ดขาด”

พล.ต.ต.ไพศาล กล่าวต่ออีกว่า แม้ผู้ต้องหาจะเป็นคนเร่ร่อน ก็ต้องถูกแจ้งข้อหาเช่นเดียวกันกับคนปกติทั่วไป  ส่วนการพิจารณาโทษอยู่ในดุลพินิจของศาล ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลทางครอบครัวของผู้ต้องหานั้นพบว่าพ่อ-แม่ของนายสุรพล   เสียชีวิตหมดแล้ว และได้สอบปากคำหลานซึ่งเป็นบุตรของพี่สาวผู้ต้องหาให้การว่า เมื่อ 30 ปีที่แล้วผู้ต้องหาเคยเปิดร้านรับซื้อของเก่าที่เมืองขอนแก่นกับภรรยาชื่อนางปู แต่หลังจากแยกทางกันกับภรรยาได้กลับไปอยู่กับพี่สาวที่ จ.สุพรรณบุรี อีกทั้งผู้ต้องหาเคยป่วยอาการทางจิตและ หนีออกจากบ้านพักที่จ.สุพรรณบุรี ได้5-6 ปี จากนั้นไม่มีผู้ใดพบเห็นนายสุรพลอีกจนกระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว