บช.น.แถลงจับกุม คนร้ายวิ่งราวทรัพย์

พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุมตัว นายประเวช  เลิศพึ่งดี อายุ 26 ปี และ นายศตวรรษ  เชื่อมวิทย์  อายุ 28 ปี หลังร่วมกันก่อเหตุตระเวนวิ่งราวทรัพย์ ทั้งสิ้น 9 จุด ในหลายพื้นที่

โดยกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังได้รับทราบข่าวว่ามีการตระเวนก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ในหลายพื้นที่ ได้ลงพื้นที่หาข่าวจนพบว่ามีคนร้ายก่อเหตุในเขตพื้นที่ สน.สุทธิสาร จำนวน 3 คดี , สน.บางซื่อ จำนวน 2 คดี , สน.ห้วยขวาง จำนวน 1 คดี, สน.ท่าข้าม จำนวน 1 คดี , สน.พญาไท จำนวน 1 คดี และ สน.พหลโยธิน จำนวน 1 คดี รวม 9 คดี ก่อนจะสืบสวนจนพบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ คือ นายประเวช และ นายศตวรรษ จึงได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาล และเมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม ที่ผ่านมา สามารถจับกุมตัว นายประเวช ได้ที่บ้านพัก แก่งหนึ่ง ในตำบลบ้านคลองสวน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนนายศตวรรษ สามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านพักย่านถนนพระราม 3 ซึ่งทั้งสองรายสามารถจับกุมได้พร้อมของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ

จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้งสองรายพบว่า นายประเวช  มีประวัติคดีวิ่งราวทรัพย์ 5 คดี คดีบุกรุกเคหสถานเวลากลางคืน 1 คดี คดีต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน   (ยิงต่อสู้) 1 คดี จำคุกตั้งแต่ปี 2560  พ้นโทษเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564  และมาถูกจับกุมต่อเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 ในคดี พรบ.อาวุธปืนฯ อยู่ระหว่างประกันตัว และ ติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม ส่วนตัว นายศตวรรษ พบมีประวัติวิ่งราวทรัพย์ จำคุกตั้งปี 2560 พ้นโทษเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ก่อนที่ต่อมาจะถูกจับกุมอีกครั้งเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565  ในคดี พรบ.อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นคดีเดียวกันกับนายประเวช และคดีอยู่ระหว่างประกันตัว และติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม ก่อนถูกจับกุมล่าสุด ผู้ต้องหาทั้งสองได้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดี และ ทั้ง 2 คน ถูกศาลสั่งให้ติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม แต่ขณะเข้าจับกุมตัวนายประเวล เจ้าหน้าที่พบว่ามีการถอดกำไลอีเอ็มออกไปทิ้งชาร์จแบตไว้ที่บ้านส่วนนายศตวรรษ พบว่ามีพิรุธเกี่ยวกับ พิกัดจีพีเอสบนโทรศัพท์มือถือ ไม่ตรงกับกำไลข้อเท้า

โดยการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อพิรุธเกี่ยวกับกรณีสัญญาณกำไลอีเอ็ม ประกอบกับทางการสืบสวนจาก ลักษณะการแต่งกาย , ยานพาหนะ และ เส้นทางก่อนมาก่อเหตุ และ ขณะหลบหนี ของคนร้ายในคดีที่เกิดขึ้นนั้น ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ว่าทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกัน จึงสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและเข้าจับกุมพร้อมกมายจับได้ ดังกล่าว

เบื้องต้น นายประเวช รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุที่ใช้รถจักรยานยนต์ PCX สีน้ำเงินเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ข้อหาวิ่งราวทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ ส่วนนายศตวรรษ ยังไม่ขอให้การ และ ปฏิเสธเกี่ยวกับการกระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการสอบสวนพิสูจน์ความผิดของ  นายประเวช และ นายศตวรรษ อีกครั้งต่อไป โดยมีการคุมตัวนายประเวชไปส่งให้พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร และตัวนายศตวรรษ คุมตัวส่ง สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่าสำหรับ พฤติการณ์ในการก่อเหตุของคนร้ายกลุ่มนี้จะใช้วิธีการเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิงและมีการลักษณะสะพายกระเป๋าหรือคล้องกระเป๋าไว้ที่แขนหลังจากเสร็จการทำธุระต่างๆซึ่งเมื่อศพโอกาสจะใช้ความแรงของรถจักรยานยนต์ในการวิ่งเข้าไปกระชากกระเป๋าที่ถืออยู่และหลบหนีไป ซึ่งทางตำรวจขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนระวังตัวโดยสังเกตุสิ่งผิดปกติรอบตัว และให้ระวังทรัพย์สินสิ่งของมีค่าของตนเอง ซึ่งหากใครพบเจอเหตุร้ายสามารถเข้าแจ้งความได้ทุก สน.พื้นที่เกิดเหตุ