บิ๊กโจ๊ก แถลงข่าว ติดตามความคืบหน้า กรณี ครูอัตราจ้าง ในจังหวัดระนอง ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก และจับกุมแม่เล้า บังคับเด็ก อายุ ๑๖ ปี ค้าประเวณี ซึ่ง เป็นคดีค้ามนุษย์ในพื้นที่ จังหวัดระนอง
พล.ต.อสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) และ หน.ชุดปฏิบัติการ ปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (TICAC), เปิดแถลงข่าว ติดตามความคืบหน้า กรณี ครูอัตราจ้าง ในจังหวัดระนอง ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก และจับกุมแม่เล้า บังคับเด็ก อายุ 16 ปี ค้าประเวณี ซึ่ง เป็นคดีค้ามนุษย์ในพื้นที่ จังหวัดระนอง อีกคดี
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 19 ม.ค.2565 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าร่วมประชุมกับ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 / รอง ผอ.ศพดส.ภ.8 , พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 , พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.ระนอง และนายตำรวจคณะทำงานชุดต่างๆ เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับ ครูล่วงละเมิดทางเพศเด็ก และคดีแม่เล้าสาววัย 24 บังคับเด็กสาว อายุ 16 ปี ค้าประเวณี ซึ่ง เป็นคดีค้ามนุษย์ในพื้นที่ จังหวัดระนอง และประชาชนให้ความสนใจ ก่อนร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าของคดี
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบตร. รอง ผอ.ศพดส.ตร. ได้เปิดแถลงข่าวว่า ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้ให้ความสำคัญนโยบายการปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ซึ่ง ศูนย์พิทักษ์ เด็กสตรี และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติและ เร่งรัดหน่วยในสังกัด ให้ดำเนินการจับกุมปราบปราม ควบคู่ไปกับการคุ้มครองผู้เสียหายที่เป็นเด็ก โดย ยึดถือหลัก ปฏิบัติโดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง และ ตำรวจภูธรภาค ๘ โดยจังหวัดระนอง มีผลปฏิบัติที่สำคัญดังนี้
คดีแรก จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ได้มีผู้โพสต์ข้อความในสื่อโซเชียล ทวีตเตอร์ กรณี มีครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดระนอง ได้ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กที่เป็นลูกศิษย์ ต่อมา ได้มีการเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์ จากการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่ามีความคืบหน้า โดยจากการตรวจพิสูจน์ พยานหลักฐานทางดิจิทัล ทำให้ทราบว่า ครูผู้นี้เป็นครูอัตราจ้าง และ ทางโรงเรียน ได้เลิกจ้างพร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พร้อมเสนอคุรุสภา เพื่อถอนใบอนุญาต
แผนประทุษกรรมที่สำคัญ คือ เริ่มจาก ผู้ต้องหา จะสร้างความสนิทสนม กับเด็กนักเรียนชาย จนมีความคุ้นเคย แล้วก็ได้อาศัยความเป็นครูออกอุบายหลอกลวง เด็กชายเหล่านั้น ว่า ตนมีความสามารถทำให้อวัยวะเพศเด็กใหญ่ขึ้นได้ ด้วยความที่เด็กผู้เสียหาย มีความอ่อนเยาว์ และคึกคะนอง ทำให้หลงเชื่อ และเริ่มจากการยินยอมให้ ผู้ต้องหา ใช้ครีมเจลทาอวัยวะเพศของเด็ก แล้วนวด จากนั้น ก็จะ เริ่มใช้ปากของผู้ต้องหาอมอวัยวะเพศของเด็ก และเริ่มสำเร็จความใคร่ให้เด็ก โดยใช้มือนนวด และอาจใช้อวัยวะเพศหญิงเทียม ช่วยในการสำเร็จความใคร่ให้เด็ก เมื่อเด็กชายผู้เสียหาย ได้รับการนวดแล้ว ผู้ต้องหา ได้ยุยง ให้เด็กชายเหล่านั้นไป มีเพศสัมพันธ์กับ เพื่อนผู้หญิงทำนองชู้สาว และให้ส่งภาพมาให้ผู้ต้องหาดู หรือ ส่งภาพอวัยวะเพศของเด็กชายผู้เสียหายมาให้ดู และมีเด็กชายบางคน หลงเชื่อมาให้ผู้ต้องหานวดอวัยวะเพศซ้ำ ก็ได้มีการใช้กล้องโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาถ่ายภาพไว้ เพื่อประโยชน์ในการชักจูงเด็กคนอื่น
โดยจากข้อมูลการตรวจพิสูจน์ทางดิจิทัล ทราบว่า ระหว่างปี 2562 – 2564 มีเด็กผู้เสียหายที่ หลงเชื่อ อายุระหว่าง 14 – 17 ปี ถูกผู้ต้องหาถ่ายภาพนิ่งและ คลิปวีดีโอขณะทำอนาจารไว้ จำนวน 5 คน และ มี เด็กผู้ชาย อายุระหว่าง 15 – 18 ปี ถูกผู้ต้องหาส่งข้อความทางระบบแชทของเฟสบุ๊ค ชักจูงในทางลามกอนาจาร อีกจำนวนประมาณ 11 คน พิจารณาจากการกระทำของผู้ต้องหา เป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา กรณีกระทำชำเรา และกระทำอนาจารเด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี แล้วได้บันทึกภาพไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบประการอื่น , พรากเด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี และพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ไม่เกิน 18 ปีเพื่อการอนาจาร, ความผิดเกี่ยวกับการครอบครองสื่อลามกเด็ก , ความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (9)
ความคืบหน้าทางการสอบสวน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองระนอง ได้รับผลการตรวจ พิสูจน์พยานหลักฐานทางดิจิทัล จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 แล้ว เนื่องจากคดีนี้ มีการกระทำต่างกรรมต่างวาระ มี ผู้เสียหายหลายคน ทั้งที่ อายุ ต่ำกว่า 15 ปี และอายุกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปีซึ่งมีบทลงโทษแตกต่างกันไป โดย การสอบสวนผู้เสียหายที่เป็นเด็ก ต้องให้ทาง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระนอง ร่วมกับพนักงานสอบสวน ในการพิจารณาความพร้อมของเด็กผู้เสียหายแต่ละราย การคุ้มครองเด็กที่เป็นผู้เสียหาย จำเป็นจะต้องปกปิดข้อมูลของเด็กไว้เนื่องจากเด็กจะยังต้องใช้ ชีวิตในสังคมต่อไป การที่สื่อเปิดเผยชื่อหรือข้อมูลที่อาจทำให้รู้ได้ว่าเด็กผู้เสียหายเป็นใคร ทำให้เกิดความเสียหายทางจิตใจของเด็ก และอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ การเยียวยา บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระนอง จะทำการประเมินสภาพจิตใจ ของเด็กผู้เสียหายเป็นรายคนต่อไป
จับกุมแม่เล้า บังคับเด็ก อายุ ๑๖ ปี ค้าประเวณี ซึ่ง เป็นคดีค้ามนุษย์ในพื้นที่ จังหวัดระนอง
ส่วนคดีที่ 2 สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 เวลา 16.30 น. น.ส.ปราณี เรืองพุทธ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดระนอง ได้ให้ความคุ้มครอง ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเด็กหญิง อายุ 16 ปี ที่ได้มาร้องขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่องเที่ยว จังหวัดระนอง หลังจากซักถามได้ข้อเท็จจริงแล้ว จึงได้ มาแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับ ผู้กระทำผิด ในความผิดโดยกล่าวหาว่า ”ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไป ยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งเด็ก อันเป็นการกระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อแสวงหา ประโยชน์โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์” เหตุเกิด ภายในเกสต์เฮาส์ ตำบลบางนอน อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ต่อเนื่อง เกสต์เฮาส์ ตำบลบางริ้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง และบ้านไม่ทราบเลขที่ หมู่ 1 ตำบลบางริ้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ถึง วันที่ 10 มกราคม 2565
หลังจากรับแจ้งเหตุ ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ได้เร่งทำการสืบสวนสอบสวน จนทราบตัวผู้กระทำผิด ที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปข้อเท็จจริง ว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเด็ก หญิง อายุ 16 ปี ได้รู้จักกับ ผู้ต้องหาทางเฟสบุ๊ค และชักจูงให้ผู้เสียหายมาอาศัยอยู่ด้วยกัน กับผู้ต้องหา ต่อมา ระหว่างวันเวลาเกิดเหตุผู้ต้องหาซึ่ง เป็น หญิง อายุ 24 ปี ที่เป็นแม่เล้า และ มีผู้ช่วยเป็นหญิงอายุ 18 ปีเศษ อีก 1 คน บังคับให้ผู้เสียหายไปค้าประเวณี โดยแลกกับ ค่าตัวครั้งละประมาณ 100-1,200 บาท กับชายจำนวน 4 คน รวมจำนวน 8 ครั้ง โดย แม่เล้าให้ค่าตัวเด็กผู้เสียหายประมาณ ครั้งละ 100 บาท หรือไม่ให้เลย ซึ่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองระนอง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดระนอง ออกหมายจับผู้ต้องหา และในวันที่ 13 มกราคม 2565 สามารถติดตามจับกุม ผู้ที่เป็นแม่เล้า และผู้ช่วยแม่เล้า รวม จำนวน 2 ราย และ จับกุมผู้ซื้อบริการทางเพศจากเด็ก ผู้เสียหายได้ทั้วหมด 4 ราย
ถือเป็นการปฏิบัติตามนโยบายที่รวดเร็ว ขณะนี้ผู้เสียหายได้รับการคุ้มครอง ตามกฎหมาย และ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะพิจารณาเสนอต่อคณะกรรมการ ระดับจังหวัด ขอรับค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายต่อไป หากพบเห็นการกระทำดังกล่าวแจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) สายด่วน 1599 ได้ตลอดเวลา