รวบแล้วมือวางเพลิง ที่แท้เป็นหัวหน้าแผนกคลังสินค้า บริษัท ประภากรออยล์ จำกัด เจ้าตัวยอมจำนนต่อหลักฐาน อ้างที่ทำไปเพราะคับแค้นใจถูกนายดุด่า ขณะที่ประธานบริษัท เผย ไม่เชื่อว่าลูกน้องจะเป็นคนทำ ฝากเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนขยายประเด็นเพิ่มเติม พร้อมขอโทษต่อสังคม
จากกรณีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บน้ำมันเครื่อง บริษัท ประภากรออยล์ จำกัด ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เผาวอดน้ำมันเครื่อง รวมกว่า 1 แสนลิตร โรงงานเสียหายเกือบทั้งหมด มูลค่าความเสียหายประมาณ 40 ล้านบาท บ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน ใช้เวลาควบคุมเพลิงนานกว่า 4 ชั่วโมง โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นางสาวสิราสินี ศรียา หรือ แอน อายุ 38 ปี เป็นพนักงานตำแหน่งหัวหน้าแผนกคลังสินค้า
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ นางสาวสิราสินี และตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ จนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ถูกไฟไหม้เสียหาย แต่สามารถกู้ไฟล์มาได้ พบว่า นางสาวสิราสินี เป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงในครั้งนี้ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงโกดังเก็บน้ำมันจริงโดยใช้ไฟแช็กจุดกระดาษแล้ววางไว้ในกล่องกระดาษบรรจุน้ำมันหล่อลื่น จำนวน 2 จุด จนเกิดเพลิงไหม้ โดย นางสาวสิราสินี ยอมรับสารภาพด้วยจำนนต่อหลักฐานว่า สาเหตุเกิดจากความคับแค้นใจที่ถูกนายจ้างดุด่าหลายครั้ง
โดยช่วงสายที่ผ่านมา ที่ สภ.โพธิ์แก้ว มีการแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา ซึ่ง พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้เดินทางมาสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตนเอง และเปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมว่าทำคนเดียวหรือร่วมกับผู้อื่นหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่ระบุว่าเป็นการโกรธแค้นเจ้านายที่ถูกดุด่า ก็อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นนี้ รวมถึงประเด็นสาเหตุอื่นๆ ด้วย ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในสำนวนคดี โดยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานเพียงพอ อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม
ทั้งนี้ สำหรับการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานแห่งนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าไม่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายนี้ และสาเหตุก็คนละสาเหตุกัน แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยหลังจากทำการสอบสวนผู้ต้องหาเสร็จสิ้น ก็จะส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐมต่อไป โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้มายื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด
ด้าน นายพิภัช อึ้งประกากร เจ้าของบริษัท ประภากรออยล์ จำกัด เปิดเผยว่า ประเด็นที่ผู้ต้องหาให้การว่าก่อเหตุเพราะคับแค้นที่ถูกนายจ้างดุด่า ตนยืนยันได้ว่า ตลอดระยะเวลากว่า 9 ปี ที่ นางสาวแอน ทำงานบริษัทนี้มา ก็ดูเป็นคนร่าเริงปกติไม่เคยแสดงอาการหรือท่าทีไม่พอใจ โดยตนก็ไม่เคยด่าทอลูกน้องแต่ก็มีบ้างที่ต้องตำหนิตักเตือนเวลาทำงานผิดพลาด เพราะ นางสาวสิราสินี เป็นถึงระดับหัวหน้างาน ซึ่งประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้ว นางสาวแอน ก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรที่จะก่อเรื่อง ส่วนนายนภรุจ อึ้งประภากร ลูกชายที่ทำงานคลุกคลีกับพนักงาน ก็ยิ่งไม่เคยตำหนิเลยเป็นคนรักลูกน้อง สิ้นเดือนก็พาไปกินข้าวกันทุกเดือน
โดยหลังทราบจากตำรวจว่าผู้ก่อเหตุคือ นางสาวสิราสินี ทั้งลูกชายและพนักงานคนอื่นๆก็รู้สึกผิดหวังกันหมด ยิ่งเป็นเพื่อนร่วมงานยิ่งไม่เชื่อว่า นางสาวสิราสินี จะเป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนสาเหตุว่าจะเป็นการก่อเหตุเพราะคับแค้นใจจริงหรือเป็นการทำลายหลักฐานเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง ตนก็ไม่สามารถตอบได้และไม่กล้าที่จะเดา แต่ในสายตาก็ยังคิดว่า นางสาวแอน เป็นคนดี อย่างไรก็ตามตนได้ขอให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นของการรับจ้างวางเพลิงด้วย แต่ก็ยืนยันว่าตนไม่มีศัตรูหรือคู่แข่งทางธุรกิจ รวมไปถึงปัญหาทุจริตภายในบริษัท
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะนำไปเป็นบทเรียนให้กับตน ในเรื่องของการจัดตั้ง คลังเก็บน้ำมันให้ไกลจากสถานที่ชุมชน และในเรื่องระบบป้องกัน พร้อมจะดูแลคนของตัวเองให้ดี ทั้งนี้ต้องขอโทษผู้ที่ได้รับผลกระทบและสังคมที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ซ้ำสอง หากตนใส่ใจมากกว่านี้ ก็จะเห็นปัญหาของพนักงาน ข้าหรืออาจป้องกันเหตุไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น