วันนี้ (9 พ.ย. 64) เวลา 17.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือ ศปข.ตร. เปิดเผยว่า กรณีกลุ่มวัยรุ่นแก็งรถซิ่งออกทริปทำบุญไปเที่ยวภูทับเบิก ชื่อ “ทริป น้ำไม่อาบ” ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า
สืบเนื่องจาก ศปข.ตร. ได้ตรวจพบว่า มีกลุ่มรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งหลายร้อยคัน ชักชวนกันทางสื่อโซเชียลมีเดียออกทริปทำบุญเที่ยว ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ จึงได้ประสานไปยังตำรวจพื่นที่ให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้เกือบยกแก๊ง แบ่งเป็นความผิด ทั้ง พ.ร.บ.จราจรทางบก, พ.ร.บ.รถยนต์ และความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ดังนี้
จำนวนทั้งสิ้น 1,294 ราย แบ่งเป็น
1. ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร จำนวน 1 ราย
2. ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ จำนวน 269 ราย
3. ไม่พกสำเนาคู่มือรถ จำนวน 12 ราย
4. ไม่สวมหมวกนิรภัย จำนวน 88 ราย
5. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 78 ราย
6. อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบถ้วน จำนวน 369 ราย
7. ไม่ชำระภาษีประจำปี จำนวน 19 ราย
8. เปลี่ยนแปลงตัวรถฯ จำนวน 8 ราย
9. ว่ากล่าวตักเตือน จำนวน 450 ราย
นอกจากนี้ยังได้ ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 67 คัน และจับกุมตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ อีกจำนวน 2 ราย (เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษ) จำนวน 6 ราย
ผอ.ศปข.ตร. กล่าวว่า การทำงานของ ศปข.ตร. จะใช้การประสานไปยังตำรวจพื้นที่ตั้งแต่ต้นทางที่มีการรวมกลุ่ม กลางทาง จนถึงปลายทาง ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ให้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดทุกพื้นที่ กวดขันหากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทาง ของ ศปข.ตร. เพื่อป้องปรามและจัดระเบียบไม่ให้รบกวนนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ ย้ำว่าตามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด -19 รวมถึงการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งเพื่อกระตุ้นภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จึงอยากฝากพี่น้องประชาชน ให้ตระหนักถึงการรวมตัวมั่วสุมออกมาแข่งรถในทางฯ หรือ รวมกลุ่มเพื่อออกทริปไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ควรรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก เพราะการรวมกลุ่มในลัษกณะนี้ผู้ขับขี่มักมีพฤติกรรมที่คึกคะนอง ขับรถน่าหวาดเสียวก่อให้เกิดอันตรายและเป็นการรบกวนการขับขี่ของผู้อื่น ซึ่งจะมีความผิดในข้อหา “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนหรือความปลอดภัยของผู้อื่น” อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยพนักงานสอบสวนจะต้องส่งฟ้องและขอให้ศาลสั่งริบรถ
ทั้งนี้ หากพบเบาะแส สามารถแจ้งมายัง สายด่วน ศปข.ตร. 1599 หรือ 191 หรือสามารถส่งคลิปวิดีโอหลักฐานมาทาง เพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.” ได้ตลอด 24 ชม. โดยจะมีเงินรางวัล 3,000 บาท ให้กับผู้แจ้งในกรณีที่มีการจับกุมได้