กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.๑ บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.สาธิต สมานภาพ, พ.ต.ท.ศราวุธ จันต๊ะวงค์, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก.๑ บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ สว.กก.๑ บก.ป., ร.ต.อ.สุรพล ชูใจ รอง สว.กก.๑ บก.ป., ร.ต.ท.เอกกรินทร์ ทองหยด รอง สว.(สอบสวน) กก.๑ บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายชัยเดช หรือจ่อย (สงวนนามสกุล) อายุ ๔๓ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน ๓ หมายจับ ดังนี้
๑.หมายจับศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ที่ จ.85/2553 ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๓ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
๒.หมายจับศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ที่ จ.91/2550 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม ๒๕๕๐ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามฆ่า”
๓.หมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ.352/2558 ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามชิงทรัพย์”
สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕5๓ เวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น. ขณะที่นายชัยเดชฯ (ผู้ต้องหา) ขับขี่รถไถอยู่ในไร่มันสำปะหลัง ม.2 ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาได้เกิดมีปากเสียงรุนแรงกับผู้ตายซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขยของผู้ต้องหา จนทำให้ผู้ต้องหาไม่พอใจ ชักอาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายจนเสียชีวิต ก่อนจะหลบหนีไป ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ได้ทำการสอบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหามักจะมีปากเสียงกันรุนแรงกับผู้ตายอยู่บ่อยครั้ง ก่อนจะมาก่อเหตุดังกล่าว หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดกบินทร์บุรีออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ที่ จ.85/2553 ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๓ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหา พบว่าผู้ต้องหาเคยก่อเหตุอุจฉกรรจ์ร้ายแรงทั้งพยายามฆ่า และพยายามชิงทรัพย์ คือ
เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ผู้ต้องหากับพวกรวม ๔ คน ได้ไปเที่ยวงานมหรสพที่ ม.5 ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ระหว่างร่วมวงดื่มสุรา ผู้ต้องหาเห็นกลุ่มวัยรุ่นคู่อริต่างหมู่บ้านที่แอบชอบแฟนสาวของตน มาร่วมงานดังกล่าวด้วย จึงมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ก่อนจะดักรอชกต่อยผู้เสียหาย และได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในกลุ่มเสียหาย จำนวน ๔ นัด ทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนหลบหนีไป ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ที่ จ.91/2550 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม ๒๕๕๐ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามฆ่า”
และเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ขณะที่ผู้ต้องหาหลบหนีมาทำงานเป็นลูกจ้างให้กับสาวใหญ่เจ้าของไร่ส้มโอ อ.เมือง จ.นครปฐม ผู้ต้องหาได้แอบชอบผู้เสียหาย แต่ภายหลังกลับถูกผู้เสียหายปฎิเสธความสัมพันธ์ ผู้ต้องหาจึงโมโห จับผู้เสียหายมัดไว้ในบ้าน และบังคับให้ผู้เสียหายส่งมอบทรัพย์สินมาให้กับผู้ต้องหา แต่ในขณะที่กำลังก่อเหตุได้มีชาวบ้านผ่านมาเห็นเหตุการณ์เสียก่อน ผู้ต้องหาจึงได้วิ่งหลบหนีไป ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดนครปฐม จึงได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ.352/2558 ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามชิงทรัพย์”
จากพฤติกรรมการกระทำผิดของผู้ต้องหาที่ได้ก่อเหตุมาแล้วหลายคดี ล้วนเป็นภัยอันตรายต่อสังคม ผู้ต้องหาจึงถูกขึ้นบัญชีเป็นผู้ต้องหาตามปฏิทินหมายจับ ตร. ปี 2564 ลำดับที่ 44 และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.ป. จึงได้เร่งรัดสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
โดยวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.ป. สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาประกอบอาชีพช่างก่อสร้าง และพักอาศัยอยู่บริเวณริมถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบ โดยพบผู้ต้องหานั่งอยู่บริเวณริมถนนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการจับกุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ในระหว่างหลบหนีคดีตามหมายจับ ผู้ต้องหาได้มีการนำบัตรประชาชนของผู้อื่นที่มีภาพใบหน้าคล้ายกับตนอำพรางตัวเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา