กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดยุทธการสยบไพรี 64/10 ทลายเครือข่าย หมูป่ามหาภัย ทำการปิดล้อมตรวจค้น 30 เป้าหมาย ทั้งในเขต กรุงเทพฯและปริมณฑล รวบ 2 ผู้ต้องหาเกี่ยวฟอกเงิน พบทรัพย์ร่วม 50 ล้านบาท
ช่วงเช้าที่ผ่านมา พลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโทมนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการ สยบไพรี 64/10 เครือข่าย หมูป่ามหาภัย ตรวจค้นกว่า 30 จุด ทั้งในพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1,2,4 และ ภาค 7 ที่พบข้อมูลว่ามีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายฐปนันท์ ธรรมรัตน์ธาดา หรือนายหนูเฉิน โดยสามารถเข้าจับกุม นายประสิทธิพร ฐิติวรสกุลชัย หรือหน่อย 1 ใน สมาชิกคนสำคัญของเครือข่ายของหนูเฉิน นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ของประเทศซึ่งมีหมายจับคดียาเสพติดหลายคดี และได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านแต่ก็ยังมีพฤติการณ์สั่งการ นำยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในประเทศอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ภายในบ้านพักหรูริมทะเล ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อช่วงวันที่ 27-28 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ตำรวจ ปส. ทำการเข้าจับกุมนายกอเซ็ง เจะหะ ได้พร้อมของกลางยาไอซ์ 250 กิโลกรัม ก่อนที่จะขยายผลมาจับกุมนาย วงศกร ศรีโรจน์ พร้อมของกลางเฮโรอีน 9 กิโลกรัม ไอซ์ 9 กิโลกรัม และยาบ้า 9,800 เม็ดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 และเมื่อวันที่ 23ธันวาคม 2563 สามารถจับกุม นายวีรดิษฐ์ ปั้นห้าว กับพวกรวม 2 คน พร้อมของกลางไอซ์ 11 กิโลกรัม ยาบ้า 560,00 เม็ด เฮโรอีน 3.7 กิโลกรัม ยาอี 8,544 เม็ด และเคตามีน 3 กิโลกรัม ซึ่งและจากการสืบสวนพบว่าทั้งหมดเป็นเครือข่ายของนายชุติพันธ์ อธิปัตยะวงศ์ หรือมด และ น.ส.กนกวรรณ ประสาทเขตการ สองผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ที่มีการติดต่อกันผ่านแอพิเคชั่นไลน์ ในชื่อกลุ่ม หมูป่า โดยมีการติดต่อกับ นายหนูเฉิน ที่หลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และการสืบสวนจากทุกคดีที่เกี่ยวข้องพบว่าเส้นทางการเงินทั้งหมดมีความเชื่อมโยงลับมาที่ นายประสิทธิพร จึงมีการดำเนินการออกหมายจับและเข้าจับกุมพร้อมอายัดทรัพย์ทั้งหมดของนายประสิทธิพร เพื่อมาตรวจสอบในครั้งนี้
ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อช่วงวันที่ 27-28 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ตำรวจ ปส. ทำการเข้าจับกุมนายกอเซ็ง เจะหะ ได้พร้อมของกลางยาไอซ์ 250 กิโลกรัม ก่อนที่จะขยายผลมาจับกุมนาย วงศกร ศรีโรจน์ พร้อมของกลางเฮโรอีน 9 กิโลกรัม ไอซ์ 9 กิโลกรัม และยาบ้า 9,800 เม็ดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 และเมื่อวันที่ 23ธันวาคม 2563 สามารถจับกุม นายวีรดิษฐ์ ปั้นห้าว กับพวกรวม 2 คน พร้อมของกลางไอซ์ 11 กิโลกรัม ยาบ้า 560,00 เม็ด เฮโรอีน 3.7 กิโลกรัม ยาอี 8,544 เม็ด และเคตามีน 3 กิโลกรัม ซึ่งและจากการสืบสวนพบว่าทั้งหมดเป็นเครือข่ายของนายชุติพันธ์ อธิปัตยะวงศ์ หรือมด และ น.ส.กนกวรรณ ประสาทเขตการ สองผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ที่มีการติดต่อกันผ่านแอพิเคชั่นไลน์ ในชื่อกลุ่ม หมูป่า โดยมีการติดต่อกับ นายหนูเฉิน ที่หลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และการสืบสวนจากทุกคดีที่เกี่ยวข้องพบว่าเส้นทางการเงินทั้งหมดมีความเชื่อมโยงลับมาที่ นายประสิทธิพร จึงมีการดำเนินการออกหมายจับและเข้าจับกุมพร้อมอายัดทรัพย์ทั้งหมดของนายประสิทธิพร เพื่อมาตรวจสอบในครั้งนี้
ขณะที่เมื่อเข้าแสดงหมายจับกุม นายประสิทธิพร ได้ให้การปฏิเสธ โดยชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ว่าตนเองมีธุรกิจรับซื้อจิวเวอร์รี่ เครื่องประดับ และยืนยันว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเครือข่ายยาเสพติดตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายประสิทธิพร ไม่ยืนยอมให้สื่อมวลชนเข้าภายในพื้นที่บ้าน ก่อนที่จะประสานทนายความเข้ามา ดำเนินการกับทางเจ้าหน้าที่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ฟอกเงินกับนายประสิทธิพร ก่อนจะคุมตัวกลับไป ที่กองบัญชาการตำรวปราบปราม ยาเสพติดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายต่อไป
ส่วนทรัพย์สินเบื้องต้นพบว่า ที่ดินที่ปลูกบ้านหลังที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ไม่มีโฉนด แต่เป็นที่ดินที่เช่าจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งการดำเนินการต่อจากนี้ในส่วนของบ้านพักหากผู้ต้องหาไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ก็ต้องดำเนินการ รื้อถอนบ้าน และนำไม้สักที่ใช้ในการปลูกบ้านไปขายทอดตลาดตามขั้นตอนนำเงินกลับสู่แผ่นดินต่อไป เบื้องต้นประมาณมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดในวันนี้ประมาณ 50 ล้านบาท
สำหรับตัว นายประสิทธิพร จะทำหน้าที่ในการฟอกเงินให้กับเครือข่าย โดยจากการข่าวพบว่า เมื่อกลุ่มผู้ค้ารายย่อย ได้ขายยาเสพติดแล้ว จะมีการให้นายศณิศร เพียรช่าง หรือ โจ ผู้ต้องหาอีกรายที่ตำรวจ ปส.สามารถจับกุมได้ก่อนหน้านี้จากย่านลาดพร้าววานนี้ ทำหน้าที่หย่อนเงินให้กับเครือข่าย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเส้นทางการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับ นายประสิทธิพร
ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นบ้านพักและคอนโดขอนายโจ พบตู้เซฟขนาดใหญ่ และรถหรู หลายคัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการนำทรัพย์มาตรวจสอบพร้อมกับ ทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ในวันนี้อีกครั้ง
ส่วนตัวนายประสิทธิพร การสืบสวนพบว่าจะทำหน้าที่นำเงินจากเครือข่ายมากระจายไปเป็นทรัพย์ต่างๆ เช่นคอนโด ที่ดิน บ้าน หรือรถหรูต่างๆ ในชื่อของบุคคลอื่น
ขณะที่ทางบิดา ของนายประสิทธิพร ได้เดินออกมาเจอสื่อมวลชน หลังจากที่ ตำรวจ ปส. ได้มีการคุมตัวนาย ประสิทธิพร ออกจากบ้านไป โดยรบุเพียงสั้นๆว่าลูกชายตนเอง มีธุรกิจอยู่แล้วไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเครือข่ายยาเสพติด ก่อนจะถูกทนายกันตัวออกไป
ด้านทนายความได้ชี้แจงเพียงสั้นๆว่าต่อจากนี้ก็จะดำเนินการตามไปเพื่อรับฟังการสอบปากคำของลูกความตนเอง โดยก็จะเตรียมเอกสารเพื่อไปใช้ในการประกันตัวอีกครั้ง ยืนยันว่าคดีความนี้เป็นคดีความทั่วไป ไม่ได้ใหญ่โตตามที่มีการนำเสนอข้อมูล เชื่อว่าหลังจากเรื่องนี้กระจ่างสื่อและสังคมก็จะได้รู้ว่า คดีนี้เป็นคดีที่ยิ่งใหญ่เหมือนที่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งหรือไม่