วันที่ 13 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความว่า “วันที่ 12 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 3 ทุ่ม พบพ่อแม่ลูก 6 คนเดินทางมาจากต่างจังหวัดผ่านมาทางหล่มสักเพื่อจะเดินทางต่อไปยังโคราช แต่ไม่มีเงินค่ารถโดยสารไปต่อ แต่โชคดีที่มาเจอคนหล่มสักใจดีมีน้ำใจ ได้รับการช่วยเหลือจากแม่ค้าขายอาหารหน้าสภ.หล่มสักโดยการนำของ ด.ต.พีระพัฒน์ น้อยแก้ว ได้ช่วยประสานให้การช่วยเหลือเรื่องอาหารและเงินค่ารถโดยสารเพื่อเดินทางกลับบ้าน ขอชื่นชมความมีน้ำใจของตำรวจสภ.หล่มสักและแม่ค้าขายอาหารที่ช่วยอนุเคราะห์ให้ครอบครัวนี้ได้อิ่มท้องทำอาหารให้กินฟรีๆทั้ง 6 คน..ในฐานะที่ตัวเองรู้เห็นเหตุการณ์ด้วยก็ได้ช่วยสมทบทุนให้การช่วยเหลือเรื่องค่าเดินทาง ถึงแม้จะเป็นเงินหลักร้อยแต่มันคือน้ำใจ” หลังจากนั้นได้มีการแชร์และมีคนเข้ามาชื่นชมเป็นจำนวนมากจึงเดินทางไปตรวจสอบ
พบร้านอาหารที่ทำอาหารเลี้ยงพ่อ แม่ ลูก ทั้ง 5 คนนั้น เป็นร้านอาหารตามสั่งตั้งอยู่ติดกับศูนย์จราจร สภ.หล่มสัก ใกล้กับท่ารถโดยสารประจำทางในตัวเมืองหล่มสัก โดยนางสาวถาวร พุทธองค์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านเปิดเผยว่าตนเปิดร้านขายอาหารตามสั่งมานานแล้ว โดยเปิดร้านตั้งแต่ 7.00 – 24.00 น.ทุก ๆ วัน และในวันดังกล่าวเวลาประมาณ 3 ทุ่มได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก พาสามีภรรยาพร้อมด้วยลูก ๆ อีก 3 คน รวมเป็น 5 คนมาที่ร้านโดยบอกว่าเป็นครอบครัวที่ตกรถ ไม่มีเงินค่ารถกลับบ้าน แล้วบอกให้ตนทำอาหารให้ตนจึงทำข้าวผัดให้สำหรับเด็กคนละจานและทำกะเพราลาดข้าวให้ผู้ใหญ่ 2 จาน เมื่อกินเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจ่ายเงินค่าข้าวให้แต่ตนไม่รับเพราะสงสารและถือว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่กำลังลำบาก แต่ตนก็ไม่ได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวดังกล่าวเพราะมัวแต่ขายอาหารเนื่องจากขณะนั้นมีลูกค้ามาซื้อหลายคน ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็เคยมีคนมาขอกินข้าวฟรีเนื่องจากไม่มีเงิน ซึ่งตนก็ให้กินฟรี เพราะถือว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ก็นาน ๆ จะมีมาสักครั้ง
ด้าน ด.ต.พีระพัฒน์ น้อยแก้ว อายุ 51 ปี ผบ.หมู่ทำหน้าที่งานสืบสวน ขณะปฏิบัติหน้าที่สิบเวร สภ.หล่มสัก เปิดเผยว่าช่วงเวลาดังกล่าวตนออกมากินข้าวที่ร้านอาหารดังกล่าว ซึ่งอยู่ด้านหน้า สภ.หล่มสัก เมื่อกินเสร็จก็จะเดินกลับไปที่ สภ.เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่ก็ได้สังเกตเห็นว่ามีครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกมาด้วย 3 คน โดย 2 คนอายุน่าจะประมาณ 4-5 ขวบ และอีกคนน่าจะไม่เกิน 2 ขวบ อยู่ด้านหน้า สภ.โดยผู้เป็นพ่อมีท่าทางกังวลและเดินไปเดินมา ตนจึงถามว่ามาติดต่อเรื่องอะไร ชายคนดังกล่าวจึงบอกว่าเดินทางมาจากจังหวัดอุตรดิตถ์เพื่อที่จะไปหาญาติที่จังหวัดนครราชสีมา โดยได้นั่งรถมาลงที่พิษณุโลกและต่อรถมาลงที่หล่มสักเพื่อจะต่อรถไปที่ลำนารายณ์ จ.ลพบุรีและต่อไปที่ จ.นครราชสีมา แต่เมื่อมาถึงที่หล่มสัก ปรากฏว่ามีเงินเหลือติดตัวเพียง 100 บาท ไม่พอค่ารถไปลพบุรีจึงไม่รู้จะทำอย่างไรอีกทั้งก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันเลย ตนได้สอบถามและสังเกตพฤติกรรมแล้วคาดว่าน่าจะไม่ใช่พวกมิจฉาชีพอย่างแน่นอน จึงพาไปที่ร้านอาหารตามสั่งดังกล่าวเพื่อที่จะสั่งอาหารให้กินและตนตั้งใจจะเป็นผู้จ่ายค่าอาหารเอง แต่เมื่อได้เล่าเรื่องราวให้กับเจ้าของร้านฟังแล้วปรากฎว่าเจ้าของร้านไม่คิดเงินเพราะเกิดความสงสาร และนอกจากนั้นบรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่อยู่ใกล้เคียงเมื่อทราบเรื่องก็ช่วยกันบริจาคเงินคนละเล็กละน้อยจากนั้นตนก็นำไปซื้อตั๋วรถ และยังมีเงินเหลือสำหรับติดตัวไว้ใช้จ่ายอีกประมาณ 300 บาท
ด.ต.พีระพัฒน์ เปิดเผยอีกว่าที่ผ่านมาขณะที่ตนปฏิบัติหน้าที่สิบเวรและฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็จะมีผู้ที่มาขอความช่วยเหลืออยู่เป็นประจำไม่ว่าจะไม่มีเงินกินข้าวบ้าง ตกรถบ้าง ซึ่งตนและแม่ค้าแถวนั้นก็จะช่วยกันให้การช่วยเหลือ แต่จะไม่ให้เป็นตัวเงิน ส่วนมากจะซื้อข้าวให้กินรวมทั้งซื้อตั๋วให้เป็นต้น