ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดหนองคาย รวบหนุ่มแม่ฮ่องสอนขับรถมารับยาบ้า 6.2 ล้านเม็ด ไอซ์ 12 กก. ริมฝั่งโขงหนองคาย มูลค่ากว่า 320 ล้านบาท ขยายผลรวบเพื่อนร่วมขบวนการได้อีก 1 คน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 9 มีนาคม 2564 ที่หน้ากองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร., พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ ผบก.ภ.จ.หนองคาย, พ.ต.อ.สุรกิจ ค้วนเครือ ผกก.สส.ภ.จว.หนองคาย, นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ทหาร, นรข., ตรวจคนเข้าเมือง, ตชด., ปปส. ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายศรัณย์ ปูแก้ว อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 7 ต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และนายนเรศ พลายเล็ก อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 655/2 ซอยพระรามที่ 2 ซอย 88 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. พร้อมของกลางยาบ้า 17 กระสอบ จำนวน 6,230,000 เม็ด ไอซ์ 12 ก.ก. รถยนต์กระบะอีซูซุ สีบรอนด์เงิน ทะเบียน ยฉ 1095 นครราชสีมา ด้านหลังกระบะติดโครงโกดังด้านหลังสำหรับขนสินค้า และรถยนต์กระบะโตโยต้า รีโว ตอนเดียว สีขาว ทะเบียน ยก 7414 เชียงใหม่ มูลค่าของกลางยาเสพติดประมาณ 320 ล้านบาท
พ.ต.อ.สุรกิจ ค้วนเครือ ผกก.สส.ภ.จว.หนองคาย กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศ บริเวณริมฝั่งโขงบ้านกองนาง ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จึงได้สนธิกำลังหน่วยงานข้างเคียง จัดกำลังเข้าตรวจสอบ จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืน วันที่ 7 มี.ค.64 พบรถยนต์กระบะอีซูซุ ขับเข้ามาจอดริมฝั่งโขง จากนั้นประมาณ 5 -10 นาที ได้ขับรถออกมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม มีชาย 2 คน อยู่ในรถ โดยคนขับรถได้จอดรถแล้ววิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่วิ่งติดตามจับกุมมาได้ 1 คน คือนายศรัณย์ ตรวจสอบหลังกระบะพบกระสอบสีดำ บรรจุยาบ้าจำนวนดังกล่าว จึงได้ตรวจยึดจับกุมไว้ ซึ่งจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลติดตามจับกุมนายนเรศได้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.พล จ.ขอนแก่น โดยนายนเรศ กำลังจะหลบหนีออกนอกพื้นที่ จากการสอบสวนทราบว่ายาเสพติดทั้งหมดจะนำไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศ ส่วนผู้ร่วมขบวนการขณะนี้ตำรวจทราบตัวบุคคลแล้วและจะขออนุมัติศาลออกหมายจับในลำดับต่อไป
พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่ ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบโดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปราม แหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ตอนในโดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากล.