กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.สรร มั่นเมืองรยา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม, พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง, พ.ต.ท.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น, พ.ต.ท.ภูวนนท์ สมัครไทย รอง ผกก.5 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.สุขสิทธิ์ ประเสริฐ สว.กก.5 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายนฤเบท (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.278 / 2559 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2559 ซึ่งต้องหาว่า“ยักยอกทรัพย์” จากการตรวจสอบยังพบว่ามีหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน และศาลจังหวัดอุบลราชธานี ข้อหาฉ้อโกง และยักยอกทรัพย์ อีก 2 หมาย จับกุมได้ที่ ริมถนนในหมู่บ้านย่านถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ เมื่อปี 2558 ผู้เสียหายได้เดินทางมาที่โชว์รูมจำหน่ายรถยนต์แห่งหนึ่ง ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อซื้อรถยนต์่ในโชว์รูมดังกล่าว โดยนายนฤเบทฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งประกอบอาชีพเป็นเซลล์ขายรถยนต์ ได้เสนอกับผู้เสียหายว่า รถยนต์ที่ผู้เสียหายต้องการซื้อ จะต้องรอคิวนานหลายเดือน หากทางผู้เสียหายต้องการรถยนต์ทันที ผู้ต้องหาสามารถโยกรถยนต์จากโชว์รูมอื่นมาให้ได้ก่อน แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการคันละ 30,000 บาท โดยทางผู้เสียหายได้ตกลงที่จะจ่ายเงินค่าดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากไม่ต้องการเสียเวลารอคิวรับรถ แต่หลังจากที่ผู้เสียหายจ่ายเงินค่าดำเนินการให้กับทางผู้ต้องหาแล้ว ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่สามารถหารถยนต์มาให้ได้ตามที่ตกลงไว้ เมื่อทวงถาม ผู้ต้องหากลับบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ผู้เสียหายจึงได้เข้าเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
กระทั่งวันที่ 15 ธันวาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. สืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาพักอาศัยหมู่บ้านย่านถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหาจึงทำการจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าเมื่อปี 2558 มีผู้เสียหายมาจองรถยนต์รุ่นดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ทำให้คิวรอรับรถยนต์รุ่นดังกล่าวนานหลายเดือน ตนจึงใช้อุบายดังกล่าว หลอกผู้เสียหายให้จ่ายค่าดำเนินการคันละ 30,000 – 50,000 บาท นอกจากนี้ตนยังเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันที่โชว์รูมรถยนต์อีกยี่ห้อหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี เมื่อปี 2557 อีกด้วย
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด