เด้ง 2 รอง สวป.ฯ-พงส. ช่วยราชการ 30 วัน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ปม “เสี่ยแพร” นายทุนเงินกู้ ทำร้ายร่างกายสาวพีอาร์ ผกก.ฯเผย คดีความอยู่ระหว่างรวมรวมหลักฐานออกหมายจับและรอเสี่ยแพรเข้ามอบตัว พร้อมติดตั้งคิวอาร์โค้ดรักษาความปลอดภัยบ้านผู้เสียหาย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ธ.ค.2563 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า ความคืบหน้าทางคดีกรณีที่ นายธเนศ เปล่งขำ อายุ 42 ปี หรือเสี่ยแพร นายทุนเงินกู้นอกระบบ ชาว กรุงเทพฯ ทำร้ายร่างกาย น.ส.เอ ( นามสมมุติ) จนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีภาพจากกล้องวงจรปิดของสนามฟุตบอล บันทึกภาพเหตุการณ์และพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ทั้งหมดซึ่งเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายท่ามกลางสายตาของประชาชน
“หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุก็แจ้งให้ตำรวจที่รับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว คือ รอง สวป.สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าสายตรวจพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าทำการตรวจสอบ แต่ไปถึงที่เกิดเหตุไม่พบฝ่ายคนเจ็บ จึงควบคุมตัวนายแพรนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งในส่วนของพนักงานสอบสวน ที่เข้าเวรในคดีอาญา ก็ลงพื้นที่ไปตรวจที่เกิดเหตุ แต่มีความบกพร่อง เพราะไม่ละเอียดรอบคอบ ไม่พบคู่กรณีหรือไม่พบฝ่ายหญิง ก็ไม่ตรวจสอบเพิ่มเติม เนื่องจากช่วงที่ไปถึงจุดเกิดเหตุนั้น พลเมืองดีนำคนเจ็บส่งที่ รพ.ขอนแก่นไปแล้ว จึงทำได้เพียงการควบคุมตัวนายแพรไปดำเนินคดีในข้อหา ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ ปรับเป็นเงิน 1,000 บาทแล้วปล่อยตัวไป”
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวเพิ่มเติมวา การปฎิบัติงานดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่รอบรอบ ด้วยความบกพร้องของเจ้าหน้าที่ ที่เข้าเวรยามในขณะนั้น จึงมีคำสั่งให้รอง สวป.สภ.เมืองขอนแก่นและพนักงานสอบสวนเวร ในวันดังกล่าว ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น (ศปก.ภ.จว.ขอนแก่น) เป็นเวลา 30 วัน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับความผิดพลาดในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังได้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนคนใหม่เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย และเพื่อสร้างความมั่นใจฝห้กับประชาชนว่าตำรวจไม่เกรงกลัวอิทธิพลและเพื่อความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่
“หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายเกรงกลัวในเรื่องความปลอดภัยและเกรงว่าครอบครัวจะได้รับอันตราย จึงได้ติดตั้งคิวอาร์โค้ดที่บ้านของน้องเอ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจ ดูแลความปลอดภัยให้น้องเอและครอบครัว โดยจะมีการรายงานการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจนกว่าครอบครัวผู้เสียหายจะรู้สึกปลอดภัย”
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนคดีความของนายธเนศ จัดเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ลงมือทำร้ายร่างกายผู้หญิง ซึ่งในเบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ทำให้ทราบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องถึงเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งหลักฐานต่างๆ จะนำมามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม และน้องเอยืนยันว่า เป็นเรื่องการกู้ยืมเงินจากคนที่รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊กและการกู้เงินดังกล่าวก็มีการทำสัญญาเงินกู้กัน มีผ่อนจ่ายกันและไม่มีการหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงการจ่ายแต่อย่างใด
“ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับนายแพร ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ (ตาม ป.อาญา มาตรา 295 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท) ข้อหาให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560มาตรา 4 (1) โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท และข้อหา เป็นผู้ทวงถามหนี้กระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ ใช้ความรุนแรง หรือกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายของลูกหนี้ ตาม พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท และหากนายแพร มาพบพนักงานสอบสวนก็จะแจ้งข้อหา และคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน “