ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มกระบวนการแชร์ลูกโซ่ ที่หลอกลวงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการ
ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) ดำเนินการเร่งรัด สืบสวนติดตามจับกุม ตามสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.),พล.ต.ท. ชวลิต แสวงพืชน์. ผบช.สทส.,พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท.,พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบช.สทส./รอง หน.ฝ่ายเทคนิคและสืบสวน ศปอส.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ
นุชนารถ ผบก.ขส. บช.ปส. ,พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.คธม.บช.ทท. เข้าสืบสวนติดตามจับกุมเครือข่ายแชร์ออนไลน์ “บ้านภคมนมั่งคั่งร่ำรวย”
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนชุดที่ 2 ได้จับกุมตัว น.ส.ภคมน บวรโชคทวี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.434/2563 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ในความผิดฐาน “ ฉ้อโกงประชาชน และ กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”
โดยมีพฤติการณกล่าวคือวันที่ 28 มีนาคม 2563 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้ถูกหลอกให้ลงทุนแชร์ออนไลน์ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์โดยใช้ชื่อ บ้านภคมนมั่งคั่งร่ำรวย เสนอให้ผลตอนแทนสูงถึงร้อยละ 30 การลงทุนไม่มีกำหนดขั้นต่ำ แต่สูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท / ห้อง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงร่วมลงทุนแชร์ออนไลน์ ซึ่งในตอนแรก ได้รับผลตอบแทนตามที่ได้ตกลงไว้ แต่ต่อมามีการให้ผลตอบแทนไม่ตรงตามกำหนด และไม่ได้รับผลตอบแทนในที่สุด (แชร์ล้ม) ไม่ได้รับเงินเสียหายกว่า 3 ล้านบาท เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวน สน.พระขโนง และยังมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงเสียหายอีกจำนวนมากที่ยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ เนื่องจากเท้าแชร์ รับปากว่าจะนำเงินมาจ่ายคืนให้ โดย น.ส.ภคมนฯ จะเปิดวงแชร์ใหม่ หลอกคนใหม่ให้ลงทุนแชร์ หรือเล่นแชร์ จากนั้นจะนำเงินจากวงแชร์ใหม่ ไปจ่ายให้แก่ผู้เสียหายในแชร์วงเก่าที่ล้มไป
เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวน(ศปอส.ตร.) ร่วมกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า น.ส.ภคมน บวรโชคทวี ได้ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ โดยใช้ชื่อ บ้านภคมนมั่งคั่งร่ำรวย หลอกชักชวนประชาชนทั่วไป ให้ลงทุนในการเล่นแชร์ออนไลน์ ในลักษณะของการจ่ายรายวัน (แชร์ 1 วง 31 มือ ) เสนอผลตอบแทนสูง เมื่อมีผู้สนใจลงทุนเล่นแชร์เต็ม 1 วง หรือที่เรียกว่า “ห้อง” ก็จะเปิดห้องแชร์ รับสมาชิกให้มาลงทุนใหม่เรื่อยๆ เฉลี่ยวันละ 1-3 ห้อง รวมแล้วมีวงแชร์ให้เลือกกว่า 70 ห้อง นอกจากนี้ หากสมาชิก สามารถชักชวนบุคคลอื่นมาลงทุน หรือเล่นแชร์ กับ บ้านภคมนมั่งคั่งร่ำรวย จะมีการจ่ายค่าแนะนำสมาชิก 100-200 บาท/คน จากการสืบสวน พบว่า มีประชาชน ผู้เสียหายที่ลงทุนในแชร์ออนไลน์นี้ กว่า 400 ราย ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 480 ล้านบาท พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ศาลอนุมัติหมายจับตามหมายจับเลขที่ จ.434/2563 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2563 สามารถติดตามจับกุม น.ส.ภคมน บวรโชคทวี ได้บริเวณลานจอดรถ ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ล่าสุดมีผู้เสียหายกว่า 20 คน เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ศปอส.ตร. จะได้ร่วมกับ บก.ปอศ. สืบสวนสอบสวนขยายผล ดำเนินคดี และประสานงานกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตรวจสอบและติดตามทรัพย์สิน ของผู้ต้องหานี้ที่ได้จากการกระทำผิด มาคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 “ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ต้องระวางโทษ จำคุก ไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำด้วย ประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ในการกู้ยืมเงินตนหรือบุคคลใดจะจ่ายหรืออาจ จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงินในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้โดยที่ตนรู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นจะนําเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียน ให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนํามาจ่ายในอัตรานั้นได้และใน การนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป ผู้นั้นกระทําความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง ประชาชน
มาตรา 12 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 4 หรือมาตรา 5 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 บาท – 1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากถึงพี่น้องประชาชน ที่ถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนกับแชร์ออนไลน์ “บ้านภคมนมั่งคั่งร่ำรวย” สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง