ตามนโยบายของรัฐบาลให้เร่งรัดปราบปรามจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินตา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยงานมีผลการปฏิบัติอย่างเปีนรูปรรม เกี่ยวกับการปราบปรามจับกุมเกี่ยวกับการกระทำผิดนอกระบบ ทางตำรวจภูธรภาค2 โดย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช. ภาค2 ได้กำชับให้ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 2 ดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ
วันนี้ ( 24 มิ.ย.63 ) เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภาค2 พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.สภ.หนองปรือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองปรือ ร่วมแถลงข่าวการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ โดยทำการสืบทราบว่าแหล่งโกดังเก็บรถของกลุ่มรับจำนำรถ ตั้งอยู่เลขที่ 73/1 ม.7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และเข้าตรวจค้นพร้อมตรวจยึดรถยนต์รวม 12 คัน และรถจักรยานยนต์ 11คัน
นอกจากนั้นขยายผลไปตรวจค้นห้องเช่าภายใน ช.มาบสอง-หนองใหญ่ ซ.2 ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุริ ตรวจยึดรถยนต์เพิ่มอีก 7 คัน รวมตรวจยึดรถยนต์-รถจักรานยนต์รวม 30 กัน พร้อมสัญญาเงินกู้และใบโอนลอย จำนวน 36 ฉบับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ติตตามผู้ครอบครองมาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนขยายผลกลุ่มนายทุนจำนำรถ และทราบว่ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่นำมาจำนำ จะต้องทำสัญญาโอนลอยและลงลายมือชื่อของผู้จำนำไว้ฝ่ายเดียว โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 120 ต่อปี ไว้กับนายรวัชรัย จันทนดำ เจ้าของร้านโทรศัพท์มือถือพี โฟน ตั้งอยู่ในซอยบุญสัมพันธ์ 9 บ้านเลขที่ 138/227 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และเป็นผู้รับจำนำ เชื่อว่าจะยังมีเอกสารสัญญาเกี่ยวกับการทำสัญญาโอนลอยอีกหลายรายเก็บซุกซ่อนไว้
ต่อมาวันนี้ 24 มิถุนายน พ.ศ.2563 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองปรือ ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา ที่ 55/2563 ลงวันที่ 23/2563 เข้าค้นบ้านเลขที่ 138/227 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ แบบลูกโม่ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 47 นัด และ ขนาด 9 มม. จำนวน 3 นัด จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับนายธวัธชัย “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้ตรวจยึดโฉนดที่ดินจำนวน3 ฉบับ หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด จำนวน 1 ฉบับ และให้การรับว่า ตนได้รับจำนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยทำสัญญาโอนลอย และลงลายมือชื่อของผู้จำนำไว้ฝ่ายเดียว ซึ่งคิดอัตราตอกเบี้ยร้อยละ 120 บาทต่อปี สูงเกินกว่าทีกฎหมายกำหนดจริง พนักงานจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมว่า “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับการเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต และออกเงินกู้เรียกคอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด”