ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.อ.เนติ วงศ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป., พ.ต.ท.พิเชฐ จันทร์ขำ, พ.ต.ท.ภัทรพล ปัทมวงศ์, พ.ต.ท.ศราวุธ จันต๊ะวงค์, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.2 บก.ป., พ,ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ภัทราวุธ อ่อนช่วย, พ.ต.ท.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ รอง ผกก.สสน.บก.ป.
พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป., กก.๒ บก.ป., กก.๓ บก.ป., กก.๔ บก.ป., กก.๕ บก.ป., กก.สสน.บก.ป., ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ปอท. และเจ้าหน้าที่ สพฐ.ตร. ลงพื้นที่เพื่อจับกุมขบวนการค้าอาวุธปืนทางออนไลน์
พฤติการณ์สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณปี พ.ศ.2559 มีกลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการค้าอาวุธได้จัดตั้งกลุ่มบุคคลซึ่งปกปิดวิธีการดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย (ลักษณะอั้งยี่) โดยมีวิธีการสาธิตการใช้อาวุธปืนและโฆษณาผ่านทาง YouTube (มียอด Subscribe มากกว่า 16,000 คน และมียอดรับชมกว่า 200,000 ครั้ง) ซึ่งประชาชนบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึง และรับชมสื่อดังกล่าวได้ โดยช่อง YouTube ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวนให้บุคคลที่รับชมสื่อดังกล่าวเข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มไลน์ของกลุ่มผู้ต้องหา
ต่อมาเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มไลน์ของกลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการค้าอาวุธดังกล่าวนั้นมีชื่อว่า “แก๊งบันไรกัน” มีประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นสมาชิกจำนวนกว่า 2,000 คน โดยภายในกลุ่มไลน์ดังกล่าว มีการโฆษณาเชิญชวนให้สมาชิกทำการติดต่อซื้อขายอาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืน หรืออาวุธสงคราม จากกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขายอาวุธปืนในประเภท กลุ่มอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่ดัดแปลงมาจากสิ่งเทียมอาวุธปืนบีบีกันหรือแบงค์กัน, กลุ่มอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ประเภทหักลำกล้อง และกลุ่มอาวุธปืนจริง โดยแผนประทุษกรรมของกลุ่มเหล่านี้ มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ได้แก่
- กลุ่มแอดมินไลน์ที่พูดคุยกับลูกค้า และสั่งการ จัดหา อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนตามที่ลูกค้าต้องการ
- กลุ่มรับผลิต และจัดหาอุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืนต่างๆ ก็จะมีหน้าที่รับงานต่อจากกลุ่มแอดมิน เพื่อผลิตอุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืนเพื่อนำไปประกอบเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ เป็นต้น
- กลุ่มผู้จัดส่งอาวุธปืน ภายหลังจากที่ผลิตอาวุธปืนตามที่ลูกค้าต้องการแล้ว ก็จะมีกลุ่มทำหน้าที่ส่งอาวุธปืนผ่านบริษัทขนส่ง
๔. กลุ่มเจ้าของบัญชีธนาคาร เป็นบัญชีที่กลุ่มคนร้ายใช้โอนเงินเข้า-ออกจากสำหรับการทำธุรกรรมต่างๆ ได้แก่ สั่งซื้อสินค้า หรือรับโอนจากผู้ซื้อ จากการพิสูจน์ทราบว่าอาวุธปืนฯ ที่ได้มาจากขบวนการค้าอาวุธดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่สามารถงานได้จริง สามารถใช้ทำอันตรายแก่ร่างกายและชีวิต ซึ่งเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ, ประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติต่อศาลเพื่อออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการค้าอาวุธ รวมถึงกลุ่มผู้ซื้ออาวุธปืนจากขบวนการดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จนกระทั่งวันที่ ๑๘ มิ.ย.๖๓ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. , กก.2 บก.ป., กก.3 บก.ป., กก.4 บก.ป., กก.5 บก.ป., กก.สสน.บก.ป., ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สพฐ.ตร. ได้บูรณาการกำลังปฏิบัติการเข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวทั้งในส่วนของผู้ผลิต จำหน่าย และผู้ซื้อทั้งหมด จำนวน 31 จุด ในพื้นที่ ๑๔ จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, ปทุมธานี, ชลบุรี, นครราชสีมา, ราชบุรี, สุราษฎร์ธานี, สระแก้ว, พระนครศรีอยุธยา, จันทบุรี, มหาสารคาม, หนองคาย, ตาก, สมุทรสาคร) ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน ๑๔ คน เชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องสอบปากคำ จำนวน ๑๔ คน ตรวจยึดอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ และอาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน ๑๑ รายการ, สิ่งเทียมอาวุธปืน และอุปกรณ์ส่วนควบ จำนวนกว่า ๓๐ รายการ, เครื่องกระสุนปืน จำนวนกว่า ๖๐๐ นัด รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด รวมแล้วกว่า ๑๐๐ รายการ
รายละเอียดความผิด และผู้ต้องหา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งสิ้น จำนวน ๙ หมาย ซึ่งสามารถจับกุมได้ทั้งหมดตามที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอหมายจับ ได้แก่
- นายปริญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี
ข้อกล่าวหา “ร่วมกันทำและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนให้แก่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อหรือมีและใช้อาวุธปืน, อั้งยี่” ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๙๒๑/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ และมีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สถานที่จับกุม หมู่ที่ 06 ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี - นายพัฒนะ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี
ข้อกล่าวหา “ร่วมกันทำและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนให้แก่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อหรือมีและใช้อาวุธปืน, อั้งยี่” ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๙๒๒/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒
สถานที่จับกุม ซอยแก้วเงินทอง 37 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร - นายเทพพร (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี
ข้อกล่าวหา “ร่วมกันทำและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนให้แก่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อหรือมีและใช้อาวุธปืน, อั้งยี่” ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๙๒๓/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ และมีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สถานที่จับกุม ซอยพหลโยธิน 34 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร - นายสมยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี
ข้อกล่าวหา “ร่วมกันทำและมีอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาต, ร่วมกันทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ มี หรือจำหน่าย ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนแก่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อ หรือมีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน, อั้งยี่” ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๓๖๖/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓
สถานที่จับกุม หมู่ 23 ตำบลห้วยบง อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา - นายวรายุ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี
ข้อกล่าวหา “ร่วมกันทำและมีอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาต, ร่วมกันทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ มี หรือจำหน่าย ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนแก่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อ หรือมีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน, อั้งยี่” ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๓๖๗/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓
สถานที่จับกุม หมู่ 6 บ้านค่ายทะยิง ตำบลวังโรงใหญ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา - นายศรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี
ข้อกล่าวหา “อั้งยี่” ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๕๔๒/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๖ เมษายน 256๓
สถานที่จับกุม ซอยคู้บอน 27 แยก 37 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร - นายสิธร (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี
ข้อกล่าวหา “อั้งยี่” ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๕๔๓/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๖ เมษายน 25๖๓ และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สถานที่จับกุม บ้านพักไม่ทราบเลขที่ ซอยคลองหลวง 5 (ซอยพัฒนาเจริญรุ่ง 2) ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี - นายวรวุฒิ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี
ข้อกล่าวหา “อั้งยี่” ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๕๔๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๖ เมษายน 25๖๓ และมีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สถานที่จับกุม หมู่ 10 ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี - นายธนพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี
ข้อกล่าวหา “อั้งยี่” ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๕๔๕/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๖ เมษายน 25๖๓
สถานที่จับกุม ซอยบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ยังได้ทำการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการ โดยตรวจค้นพบอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย อีกจำนวน ๕ ราย และได้เชิญตัวบุคคลที่น่าเชื่อว่ารู้เห็น หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการของแก๊งบันไรกัน มาเพื่อซักถามขยายผลในคดี อีกจำนวน ๑๔ ราย ซึ่งทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”