เหตุเกิดย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2547 นายฤทธิ์รงค์ฯ ผู้ต้องหาพื้นเพคนจังหวัดนครปฐม แต่ภายหลังได้ย้ายไปประกอบอาชีพเปิดอู่ช่างซ่อมรถยนต์ที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ต่อมาเกิดเขม่นกับผู้ตายซึ่งเปิดอยู่ซ่อมรถยนต์ในละแวกเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาและผู้ตายเคยมีประวัติชกต่อยกันหลายครั้งเวลาเจอหน้ากันตามร้านเหล้าในพื้นที่ ต่อมาวันเวลาเกิดเหตุ นายฤทธิ์รงค์ฯ กับน้องชายไปนั่งดื่มเหล้าที่ร้านอาหารและได้พบกับผู้ตายซึ่งมานั่งดื่มเหล้าร้านเดียวกัน จึงเกิดการชกต่อยกันภายในร้านอาหารอีกครั้งแต่ได้แยกย้ายกันออกไป ภายหลังขณะที่นายฤทธิ์รงค์ฯ กับน้องชายขับรถกลับบ้านได้มาเจอผู้ตายมาซื้อของอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อพอดี จึงได้บอกให้น้องชายหยุดรถแล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายขณะกำลังเดินออกมาจากร้านจนเสียชีวิต และหลบหนีไป
ต่อมา พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมาย จับนายฤทธิ์รงค์ฯ และน้องชาย ข้อหาร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนา น้องชายของนายฤทธิ์รงค์ฯ ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่นายฤทธิ์รงค์ฯ ยังคงลอยนวลและหลบหนีกลับมากบดานอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ด้วยความที่นายฤทธิ์รงค์ฯ นิสัยเป็นคนใจร้อนและชอบพกพาอาวุธปืนติดตัวตลอดเวลา ก็ได้มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนบ้านที่จังหวัดนครปฐมอีกครั้งและครั้งนี้นายฤทธิ์รงค์ฯ สู้ไม่ไหวก็ได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก ๑ คดี และหลบหนีไปกบดานอยู่บ้านญาติที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยรับจ้างตัดปาล์มอยู่ในพื้นที่จังหวัดเรื่อยมา
จนกระทั่งวันที่ 5 มิถุนายน 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.อ่าวลึก ติดตามจับกุมตัวนายฤทธิ์รงค์ฯ ได้ในสวนปาล์ม หมู่ที่ 4 ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน ๑ กระบอก สอบถามนายฤทธิ์รงค์ฯ รับสารภาพว่าทั้ง 2 คดี ตนเองเป็นผู้ก่อเหตุจริงเนื่องจากโดยคู่อริท้าทาย และตนเองเป็นคนใจร้อนชอบพกปืนติดตัว จึงได้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”