นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทโอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันปฏิบัติหน้าที่เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
และให้ส่วนราชการบูรณาการความร่วมมือเพื่อหามาตรการรองรับสถานการณ์และลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เพื่อความปลอดภัยของประชาชนคนไทย ตนได้มอบหมายให้ สคบ. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รวมถึงสินค้าอันตรายอื่น ๆ ที่อาจเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด 19
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 เม.ย.พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มอบหมายศูนย์ปฏิบัติกรพิเศษ สคบ. นำโดย พตอ.ประทีป เจริญกัลป์ เลขานุการกรม นายเลิศศักดิ์ รักธรรม นิติกรชำนาญการพิเศษ นายณัชภัทร ขาวแก้ว นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ สคบ. จำนวน 16 คน ร่วมกับ พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา ผู้บังคับการกองสารนิเทศ
พ.ต.อ.สุวโรจน์ โชติกาญจนรัศมร ผกก.สน.พลับพลาไชย 1 พ.ต.ท.วัชรพัฒน์ เรืองอัครนนท์ รอง ผูกก. ฝอ. 4 บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรจ ลงพื้นที่ตวจสอบการชายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ตลาดคลองถม ถนนวรจักร กทม.พบว่ามีร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 10 ร้าน จึงตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วยบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 48 ตัว น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,703 ขวด วัสดุสูบบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,338 ชิ้น และอุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 493 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางกว่า 1 ล้านบาท
นายเทวัญ กล่าวต่อ ขณะที่ การขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
นายเทวัญ ยังระบุด้วยว่า จากข้อมูลของศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ระบุถึงความเสี่ยงของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีผลต่อการลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงการติด COVID-19 สู่กัน เนื่องจาก การพ่นควันออกมา จะมีละอองฝอยน้ำลายปะปนออกไปด้วย ถูกพ่นออกมาจะลอยเป็นระยะทางไกลและแขวนอยู่ในอากาศในระดับความสูงเท่าศีรษะ