กองบังคับการปราบปราม โดยการอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก 5 บก.ป., พ.ต.ท.ภูวนนท์ สมัครไทย รอง ผกก.๕ บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.5 บก.ป., ร.ต.ท.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์ รอง สว. กก.5 บก.ป., ด.ต.วิชัยรัตน์ คชรัตน์, ด.ต.บรรจบ งามดี, ด.ต.สมพล คงฆะ, ด.ต.สมบัติ สองธานี และ ส.ต.ท.ภาคภูมิ อินทร์พรหม ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอมร หรือคม (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ที่ 120/2547 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราหญิง ซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” (หลบหนีคดีนาน 16 ปี)
พฤติการณ์แห่งคดี ก่อนเกิดเหตุ นายอมร หรือคม (ผู้ต้องหา) ได้รู้จักกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นมีอายุประมาณ 16 ปี เนื่องจากผู้เสียหายมีบุคลิกหน้าตาดี ทำให้นายอมรฯ พยายามพูดคุย ตีสนิทกับผู้เสียหาย จนผู้เสียหายไว้วางใจ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2546 เวลาประมาณ 16.00 น. หลังจากที่ผู้เสียหายเลิกเรียน นายอมรฯ ได้ไปหาผู้เสียหายที่บริเวณหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านพญาไท กทม. จากนั้น นายอมรฯ ได้ออกอุบายล่อลวงผู้เสียหายไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านบางมด กทม. เมื่อไปถึง นายอมรฯ ได้ใช้กำลังบังคับข่มขืนผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ จากนั้น นายอมรฯ ได้ออกหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะรับผิดชอบเลี้ยงดูผู้เสียหาย แล้วนายอมรฯ ได้พาผู้เสียหายไปพักอาศัยที่บ้านญาติ ที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาบิดาของผู้เสียหายได้ทราบเรื่องดังกล่าว จึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหา
พฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนติดตามผู้ต้องหารายนี้ ทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยที่บริเวณ หมู่ 12 ตำบลวิสัยเหนือ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ต่อมาเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 เวลาประมาณ 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ พบนายอมรฯ ผู้ต้องหา ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 85 หมู่ 12 ตำบลวิสัยเหนือ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาอ่านดูจนเข้าใจดีแล้ว จึงจับกุมตัวและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา นอกจากนี้ นายอมรฯ ยังมีหมายจับอีกหนึ่งหมาย คือ หมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางที่ 7/2545 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2545 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารโดยปราศจากเหตุอันสมควร และกระทำเชาเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน” (หลบหนีคดีนาน 17 ปี)
ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด