ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดปฏิบัติการปราบปรามสื่อลามกออนไลน์ (คลิปแอบถ่าย) จับกุมหนุ่มเผยแพร่คลิปแอบถ่าย แลกค่าสมาชิกในกลุ่มลับ สร้างรายได้ต่อเดือนเกือบหนึ่งแสนบาท
วันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2563) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผบก.ปอท. พร้อมด้วยพ.ต.ท.ไพรัช พรมวงศ์ รองผกก.3 บก.ปอท. ร.ต.อ.นวพล พัฒนิบูลย์ รองสว.กก.3 บก.ปอท. และตำรวจกก.3 บก.ปอท. แถลงผลดำเนินการ “ปฏิบัติการปราบปรามสื่อลามกออนไลน์ (คลิปแอบถ่าย)” Operation Spy-Cam Takedown ได้จับกุมนายฐิฏิวัฒน์ มุ้ยแก้ว อายุ 23 ปี ชาวจ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 288/2563 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ในข้อหาพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ โดยจับกุมได้ที่บ้านพักย่านอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พร้อมตรวจค้นและยึดอุปกรณ์สื่อบันทึกข้อมูลของผู้เสียหายที่ถูกมิจฉาชีพแอบถ่ายกว่า 1,770 ไฟล์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 18.00 น.
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า บก.ปอท.มีภารกิจที่ต้องดำเนินการสืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดในมิติของการนำเข้า หรือเผยแพร่ข้อมูลที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงสื่อลามกอนาจาร บนสื่อออนไลน์ และเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้อง ปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มิจฉาชีพนำช่องทางดังกล่าวมาใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้าโดยการเผยแพร่สื่อลามกอนาจาร ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ ได้มีผู้ปกครองจำนวนหลายรายได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนบก.ปอท.ว่า มีคนร้ายแอบถ่ายภาพคลิปหลุดของบุตรหลานที่เป็นผู้หญิง ตามที่สาธารณะแล้วนำไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับนักเรียนนักศึกษา และเกิดภาวะซึมเศร้าในบางราย ทางพล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. ได้สั่งการให้ กก.3 บก.ปอท. สืบสวนจับกุมคนร้ายในคดีนี้
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายในคดีนี้เปิดบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากแพลตฟอร์มหนึ่ง จากนั้นนำข้อมูลภาพ และคลิปวีดีโอที่มีลักษณะลามก มีเนื้อหาเป็นการแอบถ่ายบริเวณจุดซ่อนเร้นของสุภาพสตรีในพื้นที่สาธารณะกว่า 1,770 ไฟล์ โดยอาศัยการทำงานที่สอดรับกันของบัญชีที่คนร้ายเป็นเจ้าของอย่างน้อยสามบัญชีที่แบ่งแยกหน้าที่กันอย่างชัดเจนคือ ใช้บัญชีที่เปิดเป็นสาธารณะโพสต์ข้อมูลรูป และคลิปที่มีลักษณะยั่วยวนน่าสนใจเพียงครึ่งเดียว เพื่อเป็นการประกาศโฆษณา และจูงใจให้อยากเข้าชมข้อมูลแบบเต็มในกลุ่มลับที่คนร้ายเป็นผู้ดูแลอยู่ โดยแลกกับค่าสมัครสมาชิกกลุ่มลับในราคา 350 บาท โดยขั้นตอนการสมัครนี้จะดำเนินการด้วยบัญชีของคนร้ายอีกอันหนึ่ง
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการโอนเงินให้กับคนร้ายแล้ว คนร้ายจึงจะอนุญาตให้เข้าเป็นสมาชิกกลุ่มลับและ ให้สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลรูป และคลิปแอบถ่ายทั้งกว่า 1,770 ไฟล์นั้นได้อย่างอิสระ โดยอาศัยวิธีการดังกล่าวนี้ คนร้ายสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองเดือนละกว่า 90,000 บาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่ทำการสืบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาล และนำไปสู่การจับกุมคนร้ายในคดีดังกล่าวได้
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า จะทำการตรวจสอบคลิปทั้ง 1,770 ไฟล์ เพื่อตรวจสอบว่าต้นทางของคลิปได้มาจากการรับซื้อจากบุคคลอื่น หรือถ่ายเอง เพื่อขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนนายฐิฏิวัฒน์มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ทั้งนี้สำหรับผู้ที่แอบถ่ายคลิปจะมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายฐิฏิวัฒน์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าได้ทำคนเดียวมานานกว่า 1 ปี โดยทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง มีความรู้เกี่ยวกับด้านไอที ซึ่งได้สร้างบัญชีส่วนตัวในแอพพลิเคชั่น VK โดยมีผู้ติดตาม 8,000 คน และมีบัญชีกลุ่มลับซึ่งมีสมาชิกประมาณ 700 คน โดยผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิกจะต้องติดต่อจ่ายเงินในกลุ่มไลน์จำนวน 350 บาท ก่อนถึงจะสามารถเข้าไปอยู่ในกลุ่มลับได้
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ฝากถึงประชาชนหากตรวจพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนสื่อสังคมออนไลน์หรือเว็บไซต์ สามารถรายงานปิดกั้นตามช่องทางของสื่อสังคมออนไลน์แต่ละประเภท หรือแจ้งมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หมายเลขโทรศัพท์ 021422556 และ 021422557 หรือทางเว็บไซต์ tcsd.go.th เพื่อดำเนินการปิดกั้น ระงับ ยับยั้ง ตามช่องทางของกฎหมาย และสืบสวนจับกุมผู้นำเข้าเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมต่อไป