กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป.,พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพรอง ผบก.ป., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.๒ บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล, พ.ต.ท.วิศิษฐ์ พลบม่วง, พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส, พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.๒ บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.๒ บก.ป. พร้อมกำลังข้าราชการตำรวจ กองกำกับการ ๒ กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันจับกุม น.ส.วราภรณ์ฯ (สงวนนามสกุล) หรือ น.ส.ขรินทร์ทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ ๒๘ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน ๘ หมาย คือ ๑. ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนและโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตามหมายจับของศาลอาญา ที่๒๘๐๘/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐
๒. ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” ศาลจังหวัดลำพูนที่ จ.๔/๒๕๖๑ ลง ๙ มกราคม ๒๕๖๑
๓. ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ ๔๑/๒๕๖๑ ลง ๖ มิถุนายน ๒๕๖๑
๔. ข้อหา “ฉ้อโกง”ศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ ๔๖๑/๒๕๖๑ ลง ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๑
๕. ร่วมกันจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง,ร่วมกันฉ้อโกง,ตามหมายจับของศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ ๙๘/๒๕๖๑ ลง ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑
๖. ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” ศาลจังหวัดเลย ที่จ.๘๐/๒๕๖๑ ลง ๕ เมษายน ๒๕๖๑
7. ข้อหา “ฉ้อโกง” ศาลจังหวัดอุทัยธานี ที่ จ.๑๑๘/๑๕๖๑ ลง ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑
8. ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” ศาลจังหวัดนราธิวาสที่ ๑๓๘/๒๕๖๑ ลง ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๑
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อประมาณปลายปี ๒๕๕๘ ผู้เสียหายแจ้งว่าได้เข้าไปดูสินค้าในเว็บไซต์หนึ่งเพื่อเลือกซื้อสินค้า และเมื่อสั่งซื้อสินค้ากับผู้ต้องหาไปแล้ว แต่กลับไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลง ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนแล้ว ผู้ต้องหาจะนำเงินมาชดใช้กับผู้เสียหายเพื่อให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ แต่หลังจากนั้นผู้ต้องหาก็ยังคงมีพฤติกรรมหลอกลวงลักษณะเช่นนี้เรื่อยมา
ต่อมาเมื่อประมาณปี ๒๕๖๑ ผู้ต้องหายังได้ร่วมกับพวก โทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายที่ต้องการเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นบริษัทจัดหางานในต่างประเทศ และเมื่อผู้เสียหายโอนเงิน ค่ามัดจำให้กับผู้ต้องหาแล้ว กลับติดต่อผู้ต้องหาไม่ได้ และถูกผู้ต้องหาเชิดเงินกว่า ๕ แสนบาทหลบหนีไป
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒ บก.ป. จึงได้ทำการสืบทราบติดตามจับกุมผู้ต้องหา จนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอยู่บริเวณ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ต่อมาในวันที่ 11 พ.ย. ๒๕๖๓ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
หากมีผู้เสียหายที่ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว สามารถเข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวนในท้องที่ใกล้เคียง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”